เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 9 อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เข้ารับโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ “เพิ่มภูมิสู้โควิด ทุกชีวิตปลอดภัย” ประเภทภาคีเครือข่ายความร่วมมือภาครัฐ 1 สำหรับหน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ยอดเยี่ยม รวดเร็ว จากนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด 15 จังหวัด ผู้บริหารทุกภาคีเครือข่าย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมในงาน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562 ซึ่งถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของโลกที่ทุกประเทศต่างต้องบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทยได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานหลักในการประสานและสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ให้เกิดความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน โดยได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประสานงานและการบูรณาการการปฏิบัติร่วมกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมทั้งจัดตั้ง ศบค.มท. ส่วนหน้า ที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องบริหารจัดการเป็นพิเศษเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ สิ่งที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องอุปโภค บริโภค น้ำยาฆ่าเชื้อ และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ซึ่งได้ดำเนินการบริหารจัดการแจกจ่ายไปยังจังหวัด อำเภอ รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ กระทั่งทำให้เกิดการบริหารจัดการในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“กระทรวงมหาดไทย โดยกลไกการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ ตั้งแต่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ท่านนายอำเภอ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน (อช.) และพี่น้อง อสม. ต่างร่วมกันทำงานอย่างหนักหน่วง โดยใช้มาตรการทางสาธารณสุข ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ในการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 สร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน” ปลัด มท. กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานแนวพระราชดำริให้กับกระทรวงมหาดไทย และสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ในการรณรงค์ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย และสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้นำพระราชดำริดังกล่าว มาขับเคลื่อนโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายกเหล่ากาชาดจังหวัดและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด เป็นผู้บูรณาการส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องภาคีเครือข่ายในทุกจังหวัด รณรงค์ส่งเสริมและสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดและชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ออกหน่วยให้บริการวัคซีนโควิด-19 เคลื่อนที่ การรณรงค์เคาะประตูบ้านเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ จนทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ ภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย ต่างร่วมกันในการประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA และยึดหลักการป้องกันแบบการ์ดไม่ตก ด้วยแนวคิด Universal Prevention ของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข การค้นหากลุ่มเป้าหมาย 608 ให้ได้รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน จนเกิดผลสำเร็จนำไปสู่การควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ทุกจังหวัด
“ในขณะนี้กระทรวงมหาดไทยยังคงเน้นเน้นย้ำให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เร่งสร้างการรับรู้ และค้นหากลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเสี่ยง 608 ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันและลดอัตราความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รวมทั้งเน้นย้ำบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และครอบครัว ให้ตระหนักถึงภัยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจึงต้องมีการป้องกันตนเอง และให้ยึดหลัก Universal Prevention และไปรับวัคซีนกระตุ้นต่อไป ทั้งนี้ ความสำเร็จที่กระทรวงมหาดไทยได้รับรางวัลในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด บุคลากรกระทรวงมหาดไทย บุคลากรภาคราชการทุกส่วนราชการ เครือข่ายการทำงานทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย ทุกท่าน ที่ได้ร่วม เสียสละ อดทน และสนับสนุนการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 เป็นอย่างดี ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย กระทรวงมหาดไทยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัย และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และขอให้มั่นใจว่าพี่น้องคนกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานภาครัฐพร้อมทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งจะร่วมยืนหยัดร่วมกับพี่น้องประชาชนตลอดไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การสร้างความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ที่มุ่งเน้นให้ “คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจมั่งคั่ง : Health for Wealth” อันจะนำไปสู่เป้าหมาย “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง” ซึ่งประเทศไทยสามารถก้าวข้ามวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จนได้รับคำชื่นชมจากนานาประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างทั่วถึง ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สภากาชาดไทย UHosNet ทหาร ตำรวจ กรุงเทพมหานคร สถานพยาบาลเอกชน อสม. และ สสจ. ทุกจังหวัด ที่ร่วมกันค้นหากลุ่มเป้าหมาย และสนับสนุนการจัดบริการวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรม “เชิดชูเกียรติเพิ่มภูมิสู้โควิด ทุกชีวิตปลอดภัย” เพื่อมอบโล่รางวัลให้กับจังหวัดที่มีผลงานการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในทุกกลุ่มประชากร และกลุ่ม 608 ได้มากกว่า 70% และจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนได้ก้าวหน้ารวดเร็ว รวมถึงหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีนเป็นอย่างดี
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุข ขอมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ ให้กับกระทรวงมหาดไทย และให้แก่หน่วยงานทุกภาคีเครือข่าย จำนวน 50 รางวัล ได้แก่ โล่รางวัลให้กับจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นยอดเยี่ยมในทุกกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 70% จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ และพระนครศรีอยุธยา รางวัลหน่วยงานที่มีผลการฉีดวัคซีนดีเด่นในประชากรกลุ่ม 608 จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร ภูเก็ต น่าน และสมุทรสงคราม รางวัลหน่วยงานที่มีผลการฉีดวัคซีนก้าวหน้ารวดเร็ว จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย สุโขทัย สุรินทร์ นครราชสีมา สิงห์บุรี นครปฐม ระยอง และอุทัยธานี และรางวัลความร่วมมืออีก 35 หน่วยงาน”
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 38/2566 วันที่ 12 ม.ค. 2566
