วันนี้ (1 มิ.ย. 66) นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 03.30 น. ตนได้มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน จำนวน 22 นาย นำกำลังเข้าจับกุมสถานบริการใหญ่ 2 แห่ง ในพื้นที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต คือ “ราตรี คลับ” และ “มหานครภูเก็ต”
“ที่มาของการปฏิบัติการในครั้งนี้สืบเนื่องจากกรมการปกครองได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต อยู่บ่อยครั้งว่า สถานบริการ “ราตรี คลับ” และ “มหานคร” มีการเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเปิดบริการ ขายเหล้า ขายเบียร์ เล่นดนตรี มีนักเที่ยวหลายร้อยคนดื่มเมากันถึงเวลาเช้า ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านเป็นเหตุให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนอนไม่หลับได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยสถานบริการทั้ง 2 แห่ง อยู่ตรงข้ามกันโดยมีถนนสายหลักคั่นไว้” นายแมนรัตน์ฯ กล่าวในช่วงต้น
นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ ก่อนการเข้าจับกุม เมื่อเวลา 02.30 น. พนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) ได้แฝงตัวเป็นนักเที่ยวเข้าทำการสืบสวน ซึ่งพบว่า สถานบริการ “ราตรี คลับ” และ “มหานคร” ยังคงเปิดบริการปกติ และนักเที่ยวกำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานตามจังหวะของเสียงดนตรี นอกจากนี้ยังพบว่า สถานบริการทั้ง 2 แห่ง ยังคงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปกติ แม้ว่าจะล่วงเลยเวลาจำหน่ายตามกฎหมายไปแล้ว จึงให้สัญญาณแก่ชุดจับกุมเข้าดำเนินการตรวจสอบจับกุมโดยทันที
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า ในการปฏิบัติการครั้งนี้ พนักงานฝ่ายปกครอง ได้จับกุมตัวเจ้าของร้านและร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีในฐานความผิด ซึ่งชุดจับกุมได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดพร้อมของกลาง เพื่อทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยสถานบริการ “ราตรี คลับ” พบนักเที่ยว จำนวน 62 คน ซึ่งกระทำผิดฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามกฎหมายสถานบริการ และฐานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย ตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และในส่วนของสถานบริการ “มหานครภูเก็ต” พบนักเที่ยว จำนวน 87 คน โดยพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ จำนวน 10 คน ซึ่งเป็นเด็กอายุ ระหว่าง 17 – 19 ปี ซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ผิดฐานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย และขายให้แก่บุคคลที่ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งความผิดฐานจำหน่ายสุราแก่เด็ก และส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร ตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก โดยในการควบคุมผู้ถูกจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ดำเนินการแจ้งพนักงานอัยการและนายอำเภอในท้องที่ที่มีการควบคุมตัวตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายแล้ว
“สถานบริการทั้ง 2 แห่ง เป็นการเปิดสถานบริการในพื้นที่นอกเขตโซนนิ่งให้ตั้งสถานบริการ และไม่มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด อีกทั้ง ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าใช้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็ก ซึ่งถือเป็นการกระทำที่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนลุ่มหลงในอบายมุข อันขัดกับศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงขอฝากไปยังผู้ประกอบการสถานบริการทั่วประเทศขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ โดยประกอบธุรกิจให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 46/2559 ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนี้ ขอให้ได้แจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางหมายเลขโทรศัพท์ 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งไปยังฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความผาสุกและดำเนินการกับผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่มีละเว้น” นายรณรงค์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 495/2566 วันที่ 1 มิ.ย. 2566