เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 66 นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความและรูปภาพในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการเดินทางไปเรียนหนังสือของนักเรียนชาวมอร์แกน ด้วยการเดินลุยน้ำข้ามคลองและเดินเท้าเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนบ้านเกาะพยาม ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ส่งผลให้เด็กประสบกับความยากลำบากและเสี่ยงต่ออันตราย
“ตนพร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนองได้นำรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ป้องกันจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระนอง และผู้นำท้องที่ ลงพื้นสืบหาข้อเท็จจริง พบว่าภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งในปัจจุบันการเดินทางของนักเรียนจะใช้โป๊ะชักรอกข้างในกรณีน้ำขึ้น และในกรณีน้ำลงนักเรียนสามารถเดินทางไป-กลับระหว่างโรงเรียนกับที่พักได้ และทางโรงเรียนก็จะจัดรถรับส่งให้กับนักเรียนเพื่อไปยังโรงเรียน ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร นอกจากนี้ตนยังได้หารือร่วมกับผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครู โดยในขณะนี้ทางโรงเรียนได้ดำเนินการขออนุญาตสร้างสะพานทุ่นลอยน้ำข้ามคลองชั่วคราวไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพยาม ซึ่งได้ขออนุญาตจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระนอง อยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากแล้วเสร็จจะทำให้นักเรียนสามารถข้ามได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระนองได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณค่าพาหนะให้กับโรงเรียนในการดูแลนักเรียน จำนวน 39 คน เป็นประจำทุกปีการศึกษา” นายนริศฯ กล่าว
นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลืออื่น ๆ ได้แบ่งออกเป็นสองระยะ มาตรการเบื้องต้นจะดำเนินการเร่งขยายขนาดของโป๊ะชั่วคราวให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการใช้งาน พร้อมจัดเตรียมเรือยางไว้ให้บริการอีกทางหนึ่ง และสร้างสะพานชั่วคราวเพื่อให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่สามารถสัญจรไปมาได้ชั่วคราว สำหรับมาตรการในระยะยาวต้องมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะมีการขออนุญาตใช้พื้นที่แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการจัดสร้างให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดระนองให้ความสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัย ให้ได้รับการหนุนเสริมการดำรงชีวิต ด้วยการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งด้านกายภาพ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม การคมนาคมขนส่ง โดยมีกลไกในระดับพื้นที่ คือ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด เป็นผู้สะท้อนสภาพปัญหาความต้องการ ผ่านกลไกทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ตลอดจนถึงคณะกรรมการหมู่บ้าน คุณครู ผู้บริหารสถานศึกษา รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนหรือหน่วยงานภาคีเครือข่ายมีข้อมูลสภาพปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทุกช่วงวัย ขอให้ได้แจ้งมาที่ปลัดอำเภอ นายอำเภอ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วน เพื่อฝ่ายบ้านเมืองจะได้มีข้อมูลและนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือต่อไป หรือสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
#WorldSoilDay #วันดินโลก #UN #FAO #GlobalSoilPartnership #MOI
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #SoilandWaterasourceoflife
#SustainableSoilandWaterforbetterlife #ดินดีน้ำดีชีวีมีสุขอย่างยั่งยืน #SDGsforAll #ChangeforGood
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 71/2567 วันที่ 14 ม.ค. 2567
