วันนี้ (7 มี.ค. 67) นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดกาญจนบุรีเกิดจุดความร้อนกระจายอยู่ในพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศมีความชื้นน้อยและร้อนจัด รวมถึงการเผาในพื้นที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดสถานการณ์ไฟป่า อีกทั้งแนวลมตอนบนบริเวณภาคเหนือเป็นลมพัดจากตะวันตกไปยังตะวันออก สภาพอากาศจมตัว การเผาในที่โล่ง การจราจรและการขนส่งในเขตเมืองใหญ่ และการเกิดหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้หลายพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้สั่งการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สนับสนุนจังหวัดแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มุ่งเน้นปฏิบัติการตรวจสอบจุดความร้อน (Hotspot) เพื่อชี้เป้าวางแผนปฏิบัติการดับไฟป่า พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าปฏิบัติการแก้ไขปัญหาทันที
“ทั้งนี้ หากสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นควบคุมและสั่งการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกเชิงพื้นที่อย่างใกล้ชิดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยเฉพาะการใช้มาตรการควบคุมการเผาและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงประสานการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนสนธิกำลังเข้าดับไฟป่าภาคพื้นดินและใช้อากาศยานดับไฟป่าในพื้นที่เข้าถึงยาก ในส่วนของการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นและหมอกควัน ได้จัดหาหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางพร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตนเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) หรือห้องปลอดฝุ่นไว้บริการประชาชน” นายไชยวัฒน์ฯ กล่าว
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทย โดย ปภ. พร้อมสนับสนุนจังหวัดปฏิบัติการดับไฟป่า แก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มุ่งเน้นปฏิบัติการตรวจสอบจุดความร้อน (Hotspot) เพื่อชี้เป้าวางแผนปฏิบัติการดับไฟป่า พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าปฏิบัติการดับไฟป่าทันที รวมถึงร่วมกับกองทัพบกเปิดปฏิบัติการดับไฟป่าด้วยเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งประสานความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมใช้มาตรการควบคุมการเผาและบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัดกรณีเกิดวิกฤตไฟป่าหมอกควัน ตลอดจนยกระดับการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นมลพิษทางอากาศ
นายไชยวัฒน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปภ. ได้สนับสนุนจังหวัดปฏิบัติการดับไฟป่าด้วยอากาศยานดับไฟป่า โดยร่วมกับกองทัพบกจัดส่งเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 พร้อมนักบิน ทีมช่างอากาศยาน และทีมกู้ภัยประจำ ฮ.ปภ. KA – 32 เข้าปฏิบัติการทิ้งน้ำดับไฟ ควบคุมไฟป่า และคลี่คลายสถานการณ์ฝุ่นละอองในจังหวัดต่าง ๆ โดยได้ขึ้นบินดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดกาญจนบุรี สำหรับปฏิบัติการดับไฟป่าภาคพื้นดิน ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ข้างเคียงกับพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า ประกอบด้วย ชุดยานยนต์ดับเพลิง พร้อมระบบควบคุมระยะไกล (LUF60) รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง 10,000 ลิตร และชุดเครื่องจักรกลด้านไฟป่าและหมอกควัน เข้าปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า ท้ายนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุสาธารณภัยและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
#WorldSoilDay #วันดินโลก #UN #FAO #GlobalSoilPartnership #MOI #กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข
#SoilandWaterasourceoflife #SustainableSoilandWaterforbetterlife #ดินดีน้ำดีชีวีมีสุขอย่างยั่งยืน #SDGsforAll #ChangeforGood
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 374/2567 วันที่ 7 มี.ค. 2567