เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 67 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงผลการกวาดล้างอาชญากรรมตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการจัดระเบียบสังคมปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดและตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 8 และจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จริงจัง และต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการระดมกวาดล้างตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์และห้วงประจำเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา
นายขจรเกียรติฯ กล่าวว่า ผลจากการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้ให้เห็นว่า ได้มีการจับกุมยาเสพติดและอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 630 คดี 645 คน แยกเป็นการกระทำความผิดฐานเป็นผู้จำหน่าย 83 คดี 91 คน เป็นผู้ครอบครอง 182 คดี 189 คน ครอบครองเพื่อการค้า 20 คดี 20 คน ครอบครองเพื่อเสพ 122 คดี 122 คน เสพยาเสพติด 222 คดี 222 คน สมคบสนับสนุน 1 คดี 1 คน ของกลางยาบ้า 220,400 เม็ด ไอซ์ 2,180 กรัม เคตามีน 0.83 กรัม นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนได้ 94 คดี ผู้ต้องหา 95 คน ของกลางอาวุธปืน 94 กระบอก กระสุนปืน 716 นัด แยกเป็น อาวุธปืนมีทะเบียน 21 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 21 คน อาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 73 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 74 คน เครื่องกระสุนปืน จำนวน 40 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 40 คน ของกลาง จำนวน 716 นัด วัตถุระเบิดไม่ทราบชนิด โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรกะปาง จำนวน 1 คดี ผู้ต้องหา 1 คน
“หากพิจารณาสถิติผลของการจับกุมยาเสพติดและอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ยังคงมีแนวโน้มการกระทำผิดอยู่ในระดับสูง และจะต้องมีการยกระดับการทำงานของเจ้าหน้าที่ผ่านมาตรการด้านการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาให้มากยิ่งขึ้น เพื่อสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในสังคมอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภัยร้ายของยาเสพติด อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนได้คืบคลานเข้ามาในพื้นที่ชุมชนของเราอย่างรวดเร็ว ดังเช่น กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าศาลาได้รับแจ้งเบาะแสการลักลอบค้ายาเสพติดจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 14 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ประสานกับฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบ ห้องเช่า เลขที่ 131/93 หมู่ที่ 14 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา และได้ร่วมกันจับกุมตัว นางกรองมณี (สงวนนามสกุล) สัญชาติลาว พร้อม ของกลาง ยาบ้า จำนวน 35 เม็ด และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา ดำเนินคดีเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เวลา 16.00 น. และต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองได้วางแผนร่วมกันหาเบาะแสจากผู้ต้องหารายแรกเพื่อขยายผลการจับกุม โดยในวันเดียวกัน เวลา 20.50 น. นายวิโรจน์ สมเกสร ผู้ใหญ่บ้าน ม.14 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมว่ามีพัสดุของ บริษัท เคอร์รี่ จำนวน 2 กล่อง นำมาส่งที่หน้าห้องเช่าเลขที่ 131/39 ม.14 ต.ท่าศาลา ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับสถานที่จับกุมนางกรองมณีฯ ในตอนต้น นายอำเภอท่าศาลาจึงได้บูรณาการร่วมผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าศาลา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรุดเข้าตรวจสอบกล่องต้องสงสัยทั้ง 2 กล่อง ซึ่งจากการตรวจสอบภายในกล่องพัสดุดังกล่าวพบว่า เป็นยาบ้า จำนวน 100,000 เม็ด เมื่อสอบถามนางกรองมณีฯ จึงยอมรับว่าเป็นพัสดุที่ส่งมาให้ตนจริง โดยยาบ้าดังกล่าวส่งมาจาก จังหวัดสมุทรปราการ และนางกรองมณีฯ จะเป็นผู้กระจายยาบ้า ด้วยวิธีการส่งเป็นพัสดุของเคอร์รี่ ไปยังพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อไปอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนางกรองมณีฯ เพื่อดำเนินคดีและสอบสวนขยายผลการจับกุมเชิงลึกต่อไป” นายขจรเกียรติฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายขจรเกียรติฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า จากกรณีที่ได้ยกมาข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชกลายเป็นแหล่งกระจายของยาเสพติด ทั้งในรูปแบบการค้าปลีกรายย่อยและยังเป็นศูนย์กระจายยาเสพติดไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อีกด้วย อีกทั้งปัญหาที่สะสมมาโดยตลอดคือปัญหาผู้มีอิทธิพลและครอบครองอาวุธปืนเครื่องกระสุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดทุกประเภท ต้องมีการกวดขันวินัย ตรวจเช็คกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายยาเสพติดและเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างเข้มข้น ต้องไม่ย่อท้อต่อสิ่งยั่วยุ รวมไปถึงการที่ถูกผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่หรือพยายามติดสินบนเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ขอให้ทุกท่านพึงตระหนักอยู่เสมอว่า เราทุกคน คือ ข้าราชการของแผ่นดิน ดังนั้นจะต้องยึดถือหลักนิติธรรมในการทำงาน ไม่ทุจริตหลงเชื่อในสิ่งผิด ยืนหยัด ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อพิทักษ์ความปลอดภัยและความสงบสุขให้แก่ประชาชนเท่าที่จะสามารถทำได้ นอกจากนี้พี่น้องประชาชนทุกคนจะต้องเข้ามาร่วมกันเป็นภาคีเครือข่าย สร้าง “เมืองนครสีขาว” ช่วยกันแจ้งเบาะแสของการกระทำผิดให้กับเจ้าหน้าที่ได้ทราบโดยเร็วผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรมโทร 1567 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันทำให้จังหวัดนครศรีธรรมราชปลอดภัย ห่างไกลจากยาเสพติด และปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #MOI
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 787/2567 วันที่ 4 พ.ค. 2567