เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 67 นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ด้วยการ “พัฒนาคน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย จึงได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.พระราชทาน) จัดโครงการศึกษาอบรมวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่น ปี 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 โดยกระทรวงมหาดไทยมีความมุ่งหวังที่จะบ่มเพาะองค์ความรู้ ด้วยการสร้าง “จิตอาสา” ผู้เห็นความสำคัญของแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ต้องไปถ่ายทอดพูดคุยบอกเล่าสื่อสารทุกช่องทาง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำการส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดอย่างกว้างขวาง
นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า ในการประชุมกรมการจังหวัดอุตรดิตถ์ ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 ตนในฐานะประธานการประชุมกรมการจังหวัด ได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมความเป็นชาติ ปลูกฝังความเป็นไทย โดยช่วงก่อนวาระการประชุมฯ ได้เชิญนายอนันต์ ทองเชตุ ครู กศน.ตำบล สกร.อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เป็นวิทยากร ครู ก เล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทย บุญคุณของพระมหากษัตริย์ และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในตอน “ก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย และยุคกรุงศรีอยุธยา” ให้แก่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และนายอำเภอ ได้รับฟัง
นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การจัดกิจกรรมครู ก เล่าเรื่องฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อถ่ายทอดความรู้ ปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้กับเหล่าข้าราชการในจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาติไทย รวมทั้งได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทยตลอดมา โดยครู ก ได้บอกเล่าเรื่องราว ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย และยุคกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการหลอมรวมดินแดน เพื่อเป็นสยามประเทศ ตั้งแต่ยุคอาณาจักรโบราณ ที่มีความงดงามของศิลปะและประวัติศาสตร์อันยาวนาน มาจนถึง ยุคสุโขทัย ราชธานีแห่งใหม่ซึ่งเป็นดินแดนที่ก่อกำเนิด “ลายสือไทย” ต้นฉบับของภาษาไทยของทุกวันนี้ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตลอดจนจนถึงการดูแลพสกนิกร ด้วยระบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ซึ่งช่วยสร้างความร่มเย็น ดับทุกข์ร้อนของปวงประชามาจนถึง ยุคกรุงศรีอยุธยา ราชธานีอันเรืองรองและคงอยู่ยาวนานถึง 417 ปี ที่มีประวัติในการปกครอง การกอบกู้เอกราช วีรกรรมและด้านขนบธรรมเนียมประเพณีงดงามมากมาย เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ธัญญาหารดังคำกล่าวว่า ” ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ” และมีพระมหากษัตริย์ปกครองอาณาจักรสืบต่อกันมา 33 พระองค์ มีราชวงศ์ผลัดเปลี่ยนกันครองอาณาจักร รวม 5 ราชวงศ์ อันได้แก่ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง และราชวงศ์บ้านพลูหลวง จวบจนเข้าสู่ยุคกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีบูรพมหากษัตริย์ไทย และราชจักรีวงศ์ ที่ทุกพระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรของไทยจวบจนถึงปัจจุบัน
“การบอกเล่าประวัติศาสตร์ของครู ก ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการบอกเล่าความเป็นชาติไทยแล้ว ยังเป็นการนำร่องเผยแพร่ให้แก่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และนายอำเภอ ได้รับฟังเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนในการขยายผลนโยบายของการสืบสาน และเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ยังได้มอบหมายให้ครู ก และจิตอาสาพระราชทาน 904 เป็นหน่วยดำเนินการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทย บุญคุณของพระมหากษัตริย์ และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในระดับอำเภอ สถานศึกษา และสถานประกอบการ ตลอดจนพี่น้องประชาชนให้ได้เรียนรู้ร่วมกัน ในวันนี้ตนจึงได้เริ่มต้นเพื่อกระตุ้นปลุกเร้าให้ข้าราชการและบุคลากรของรัฐทุกประเภทได้ผนึกกำลังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความรับรู้ให้กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของความเป็นไทย และพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์อย่างยั่งยืนสืบไป” นายศิริวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 977/2567 วันที่ 31 พ.ค. 2567
