วันนี้ (7 มิ.ย. 67) เวลา 08.09 น. ที่ศูนย์ราชการจังหวัดสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีเททองนำฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีพุทธาภิเษกพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำลอง โดยได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระเทพวชิรญาณโสภณ วิ. เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธ.) เป็นประธานสงฆ์ พระราชสุตาลังการ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยพระเถรานุเถระ ร่วมประกอบพิธี โดยมี นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายสันทัด แสนทอง นายประภาส ศรีจันทร์เวียง นายวสันต์ ชิงชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จุดธูปเทียนที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง แล้วนำข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ปักธูปหางที่เครื่องสังเวย รินน้ำและเครื่องดื่มบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พราหมณ์อ่านโองการ โปรยข้าวตอกดอกไม้ แล้วเป็นประธานพิธีเททองนำฤกษ์ และเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีพุทธาภิเษก พร้อมทั้งปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอันเสร็จพิธี
ต่อมาในเวลา 11.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดป้าย “โครงการโคก หนอง นา จากศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” บริเวณสระน้ำด้านขวาของศูนย์ราชการจังหวัดสุรินทร์ ดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ และภาคีเครือข่ายโคก หนอง นา ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จากนั้น ในเวลา 12.00 น. เป็นประธานเปิดป้าย “โครงการปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง” บริเวณสระน้ำด้านซ้ายของศูนย์ราชการจังหวัดสุรินทร์ ดำเนินการโดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และในเวลา 13.00 น. ได้เยี่ยมชมนิทรรศการโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน “ไหมพันล้านแก้จนคนสุรินทร์” บริเวณทางขึ้นอาคารศาลากลางจังหวัด
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนมีความชื่นชมยินดีกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันทำสิ่งที่ดีในชีวิต ด้วยการร่วมกันประกอบพิธีเททองนำฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีพุทธาภิเษกพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำลอง ซึ่งกิจกรรมในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ ของภาคีเครือข่ายจังหวัดสุรินทร์ ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าฯ พิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ตลอดจนพี่น้องข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการทุกสังกัดในจังหวัดสุรินทร์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ซึ่งเห็นความสำคัญของการทำงานแบบ “บวร” หรือ 7 ภาคีเครือข่าย อันประกอบด้วย ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน เพราะการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ เกิดจากแรงศรัทธาและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ไม่เพียงแต่ภาคราชการหรือภาคผู้นำศาสนา อันสะท้อนว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงให้ความสำคัญต่อการบำบัด ทุกข์บำรุงสุข พสกนิกรของพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ทรงเป็นกำลังสำคัญ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้กลไกของข้าราชการทุกสังกัด ทุกระดับ ทุกประเภท ได้เกื้อหนุนค้ำจุนทำให้โครงสร้างของระบบราชการ ไปทำหน้าที่ ทำประโยชน์เพื่อพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน เพื่อประโยชน์สุขและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชน
“จังหวัดสุรินทร์นับว่าเป็นจังหวัดที่มีความโชคดีอีกประการหนึ่ง นั่นคือมีผู้นำศาสนาผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นชาวสุรินทร์ คือ “พระอาจารย์สังคม ธนปัญโญ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติธรรมมาบเอื้องเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์การเรียนกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง (โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย) และผู้ก่อตั้งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสุรินทร์ บ้านหนองบอน ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์” ผู้บุกเบิกการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา อารยเกษตร ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาใช้ในการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบให้เป็นพื้นที่ที่ช่วย พัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง ถ่ายทอดส่งต่อมายังข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและข้าราชการทุกคน เพื่อให้พวกเราผู้เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” สนองแนวพระราชปณิธานที่สะท้อนผ่านพระปฐมบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 62 ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ข้าราชบริพารในพระองค์เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 63 ความว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งการสนองพระราชปณิธานนี้ นับเป็นการต่อยอดแนวพระราชดำริของล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการนำศาสตร์พระราชาของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิตประจำวัน และขยายผลไปยังพี่น้องประชาชนชาวสุรินทร์ ด้วยการทำงานแบบภาคีเครือข่าย ทำให้เกิดพลังการ Change for Good ทำให้เกิดสิ่งที่ดีเป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมในวันนี้เป็นเพียงการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ แต่ในส่วนของการมีส่วนร่วมจำนวนมากนั้น พวกเราทุกคนได้ช่วยกันอยู่แล้วคิดเป็น 80% แต่อีก 20% เราต้องช่วยกันดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ได้เป็นพื้นที่แห่งการศึกษาดูงาน พื้นที่แห่งการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เตรียมนำระบบสารสนเทศ ใช้เทคโนโลยีวิทยาการที่มีความก้าวหน้าจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่สนใจสามารถสแกนข้อมูลเพื่อศึกษาค้นคว้าได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาบุญ และจังหวัดสุรินทร์ก็จะเป็นต้นแบบของพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำว่า ขอให้พวกเรามั่นใจว่า “พวกเราคือกำลังสำคัญที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน” ดังที่น้องพัทจารี แก้วมี โคก หนอง นา ประณตร์ สิงสุวรรณ บ้านกลองตุง ต.สะกาด อ.สังขะ ได้พูดอย่างชัดเจนว่า “เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือให้สามารถเอาพื้นที่มาทำโคก หนอง นาได้ ทำให้เธอและครอบครัวมีกินมีใช้ ชีวิตก็มีความสุข” ซึ่งทำให้คนทำงานทุกคนได้รับสิ่งที่เรียกว่า “บุญ” เพราะทำให้เรามีความสุขใจ อันเป็นตัวอย่างว่า ถ้าข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมกับทุกภาคีเครือข่าย ช่วยกันผลักดันขับเคลื่อนสิ่งที่ดี “ทุกเรื่อง” ให้เกิดขึ้นในจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และในครัวเรือน งานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข จึงจะประสบความสำเร็จ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเราจะภาคภูมิใจ ที่ได้ทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้น แต่ในเรื่องการสื่อสารกับสังคมนั้น เราต้องอย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากำลังทำอยู่นี้ล้วนเกิดขึ้นได้เพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งที่สุดในการทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นที่ประจักษ์ยาวนานนับเนื่องตั้งแต่พระองค์เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยพระองค์ได้พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ Happy Family Happy Farmer และโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง ที่เป็นโครงการพระราชทานให้กับกรมราชทัณฑ์ได้ขับเคลื่อน ฝึกให้ผู้ต้องขังได้มีวิธีการในการใช้ชีวิตตามหลักพึ่งพาตนเองหลังพ้นโทษ และทำให้สังคมได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “น้ำใจ” ที่ต้องมีในสังคมเพื่อช่วยเหลือเอื้อเฟื้อค้ำจุนให้สังคมแข็งแรง ด้วยการทำให้ประชาชนมีโอกาสทำโคก หนอง นา สามารถพึ่งพาตนเองด้วยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสิ่งผิดที่ผ่านมา เพราะเรามุ่งสอนลูกหลานให้ทำงานหาเงิน แล้วเอาเงินไปหาปัจจัย 4 พวกผักผลไม้ แต่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้อยู่ในพื้นที่ของเรา ที่สามารถช่วยกันทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าพึ่งพาตนเอง โดยพระองค์ทรงอรรถาธิบายว่า เป็น “อารยเกษตร” อารยะ แปลว่า เจริญ เกษตร แปลว่า แผ่นดิน แผ่นดินเป็นที่มาของอาหารของทุกอย่าง เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินที่เจริญรุ่งเรือง มีความสวยงาม เป็นเหมือนรีสอร์ทที่มีแต่ความชุ่มชื้น ใครอยู่อาศัยก็มีแต่ความสุข จึงขอให้พวกเราได้นำไปขยายผลเพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวสุรินทร์ได้นำไปดำเนินการในทุกครัวเรือน ทุกพื้นที่ ให้เกิดสิ่งที่ดีอย่างยั่งยืนตลอดไป
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ในส่วนของศูนย์เรียนรู้ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แห่งนี้ ก็จะเป็นแหล่งอาหารที่จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเพิ่มพูนมากขึ้นในอนาคต จึงขอให้พวกเราในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกคนได้ทุ่มเทเป็น “ทหารเสือพระราชา” ร่วมกันสร้างพื้นที่ต้นแบบ เพราะวันนี้ได้เห็นการเริ่มต้นก็ชื่นใจ ดีใจ และมีความหวังว่า พี่น้องประชาชนจะมีโอกาสในการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต แต่ “ความยั่งยืน” เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องทำให้เกิดขึ้น ทำได้ด้วยการส่งต่อเรื่องดี ๆ นี้ไปสู่ผู้คนในสังคมอย่างกว้างขวาง ต่อเนื่อง ทั่วถึง เริ่มตั้งแต่ที่สำนักงานของพวกเรา ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ครัวเรือนของพี่น้องประชาชน แม้กรุงโรมไม่สามารถสร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด แต่วันนี้เราสร้างกรุงโรมสำเร็จแล้ว เพียงแต่ความสำเร็จที่ยั่งยืนยังคงรอการพิสูจน์จากข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อให้เขาเข้าใจ เข้าถึง และลงมาดูแลพื้นที่ต่อจากคนรุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้ที่ทำสำเร็จแล้ว ด้วยการต้องสร้างสะพานเชื่อม จาก 1 ไปสู่ 2 จาก 2 ไปสู่ 4 จาก 4 ไปสู่ 8 เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกัน และช่วยแตะมือรับงานภารกิจที่สำคัญของชาติต่อไป ด้วยพลังภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็งอยู่แล้ว ดังที่กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวแทนทุกส่วนราชการไปลงนาม MOU กับองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ประกาศเจตนารมณ์ว่า ทุกจังหวัดจะทำงานโดยคำนึงถึงและทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความเท่าเทียม” ทั้งหมดนี้หากพวกเราทุกคนเป็นผู้นำต้องทำก่อน และน้อมนำหลักการทรงงาน ร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ มาทำอย่างต่อเนื่อง ทำเป็นตัวอย่าง ก็จะเป็นการกระตุ้นทางปัญญาให้คนในสังคมได้เอาอย่างเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกพื้นที่เป็น “ดินแดนแห่งความสุขที่ยั่งยืน” ตลอดไป
นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ได้ย้ายที่ทำการมายังศาลากลางจังหวัดสุรินทร์หลังใหม่ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ และสร้างพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในอิริยาบถประทับพระราชอาสน์ ฉลองพระองค์จอมพลทหารบก หล่อด้วยโลหะผสม รมด้วยผิวสีดำมันปู ความสูง 3.75 เมตร แท่นฐานสูง 2.56 เมตร เพื่อประดิษฐาน ณ ศูนย์ราชการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1060/2567 วันที่ 7 มิ.ย. 2567
