วันนี้ (26 มิ.ย. 67) ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรมการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนราธิวาส ประจำเดือนมิถุนายน 2567 เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ซึ่งประกอบด้วย นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคมพุทธศักราช 2567 จังหวัดนราธิวาสน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่ได้พระราชทานแนวทางอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นานัปการ ด้วยทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริทั้งปวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ได้พระราชทาน เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และพระราชดำรัสที่ได้พระราชทานแก่ข้าราชบริพารในพระองค์ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ความว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งศาลากลางจังหวัดนราธิวาสรวมถึงที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดนราธิวาสได้เชิญไปประดิษฐานไว้ เพื่อเป็นหลักชัยในการน้อมนำปฏิบัติราชการ ทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ประเทศชาติมั่นคงประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน
ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ จังหวัดนราธิวาสได้นำนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำและมอบแนวทางให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้ดำเนินการขยายผลการขับเคลื่อนโครงการฝึกอบรมวิทยากรประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำถิ่น ด้วยการส่งเสริมบทบาทของวิทยากรจิตอาสา รวมทั้งขยายผลเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้แก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งจังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดที่โชคดี เพราะพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทรงดำรงพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อพระราชทานขวัญกำลังใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งล่าสุดในการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดนราธิวาส และอาคารศาลจังหวัดนราธิวาสหลังใหม่ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566 นำมาซึ่งความปลื้มปีติโสมนัสของเหล่าข้าราชการและพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดนราธิวาสเป็นล้นพ้น และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้” ผู้ว่าฯ กล่าว
“ในการประชุมคณะกรมการจังหวัดนราธิวาสในครั้งนี้ ได้มีการนำสารคดีเทิดพระเกียรติ ชุด ทศมมหาราชา สายธารพระเมตตาสู่แผ่นดิน ตอน “เรื่องเล่าของร้านข้าวต้ม อั้งม้อ จังหวัดนราธิวาส” จัดทำโดยโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ซึ่งเป็นสารคดีที่นำเสนอเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ของผู้ประกอบการ “ร้านข้าวต้มอั้งม้อ” ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดทำให้ร้านค้าเสียหายทั้งหลังเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2547 โดยร้านข้าวต้มอั้งม้อ เป็นร้านข้าวต้มเก่าแก่ มีลักษณะอาคารไม้สองชั้น ตั้งอยู่ที่สี่แยกรุ่งฟ้า จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย ตัวอาคารฝาไม้ด้านหน้า และด้านข้างถูกแรงระเบิดพังเสียหาย ส่วนเพดาน ชั้น 2 พังยุบตัวลงมา โดยนายภักดี พรมเมน ได้ถ่ายทอดเรื่องราว พระบารมีปกเกล้า ไว้ว่า ตนเองมีความท้อแท้ใจว่าไม่สามารถอยู่ที่นราธิวาสได้อีกแล้ว เพราะครอบครัวจะต้องพบเจอกับความเหนื่อยยากลำบาก จึงมีความคิดที่จะออกจากพื้นที่จังหวัดนราธิวาสไปที่จังหวัดอื่น” ผู้ว่าฯ กล่าว
“แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ว่าร้านข้าวต้มอั้งม้อเป็นร้านคนจีนเก่าแก่ และผู้ประกอบการอยู่ระหว่างเสียขวัญกำลังใจ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินถึง พระองค์ได้ประทับพระเก้าอี้ และตรัสว่า “แม่ท่านเป็นห่วง ไม่อยากให้ย้ายไปไหน” และทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่มาซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งตรัสว่า “ให้สู้ต่อนะ” ผู้ว่าฯ กล่าว
ขณะที่ นางวันณา พรมเมน ได้เล่าว่า วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ วันนั้นเป็นวันที่ปลื้มใจมาก ดีใจมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าร้านข้าวต้มเล็ก ๆ อย่างเรา จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน พระองค์มาประทับนั่ง พระราชทานขวัญกำลังใจกับครอบครัวว่า “นี่เป็นแผ่นดิน เป็นบ้านเกิดของเรา อย่าทิ้งไปไหนให้สู้ต่อ” และพระองค์ท่านตรัสว่า “จะเสด็จมาเยี่ยมเยียนประชาชนและมาให้ขวัญกำลังใจกับผู้คนที่นี่” ซึ่งตนดีใจมากและสัญญากับพระองค์ท่านว่าจะไม่ทิ้งไปไหน พร้อมทั้งได้ขึ้นป้ายที่หน้าร้าน ความว่า “พระบารมีปกเกล้าชาวนรา ปวงข้าฯ และร้านอั้งม้อ ขอถวายสัตย์สัญญาจะอยู่เพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทย”
และ นางสาวพัชราภรณ์ พรมเมน เล่าว่า ตนได้เข้าเฝ้าฯ ทำให้รู้สึกตื้นตันใจมาก เพราะไม่คิดว่าครอบครัวเราจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด และวันที่หนูเห็นพระองค์ท่านเสด็จลงมา “น้ำตาแห่งความจงรักภักดีก็ไหลมาโดยเราไม่รู้ตัว” สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับสั่งว่า “อย่าทิ้งแผ่นดิน อย่าทิ้งชาวนราธิวาสนะ ให้อยู่เป็นขวัญกำลังใจ” ยิ่งทำให้ครอบครัวของเราคิดว่ายังไงก็จะไม่ทิ้งนราธิวาส และจะอยู่สู้จนถึงวินาทีสุดท้าย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวในช่วงท้ายว่า จังหวัดนราธิวาส จะได้นำสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เผยแพร่ขยายผลผ่านทางช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัด ตลอดจนโรงเรียนทุกโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาสทุกช่วงวัย ได้รับรู้รับทราบและร่วมกันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พวกเราคนไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดนราธิวาส และจะเทิดทูนพระบรมราโชวาท ตลอดจนพระราชดำรัส ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เป็นสรรพสิริมงคล เพื่อเป็นหลักชัยในการดำรงชีวิตด้วยหลักการพึ่งพาตนเอง เพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1287/2567 วันที่ 26 มิ.ย. 2567