วันนี้ (30 ก.ค. 67) เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แถลงข่าวการปฏิบัติภารกิจ “ยุทธการพิทักษ์อยุธยา” การจับกุมโกดังพักยาเสพติดพื้นที่อำเภอท่าเรือ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า จำนวน 3.1 ล้านเม็ด ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการร่วมหน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันกวาดล้างจับกุม แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดจริงจัง ในทุกมิติ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและกำชับในการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในการเดินหน้าปราบปรามจับกุมผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องกับวงจรยาเสพติดอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความผาสุกให้กับสังคมไทย และเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทุกอำเภอเดินหน้าทำสงครามกับยาเสพติด เพื่อนำผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อละเว้น
“การปฏิบัติภารกิจ “ปฏิบัติการพิทักษ์อยุธยา” ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบสวนขยายผล การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดโกดังบริเวณ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อมยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 710,000 เม็ด และเคตามีน จำนวน 1 กิโลกรัม เครือข่ายยาเสพติดโกดังบริเวณคลองเก้า และคลองสิบ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 3,800,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 25 กิโลกรัม โดยได้มีการประสานข้อมูลกับ บช.น. เข้าตรวจค้นโกดังในเครือข่ายเพิ่มเติมบริเวณซอยลาดพร้าว 87 ซึ่งได้ตรวจพบยาเสพติด (ยาบ้า) เพิ่มอีกเป็นจำนวน 680,000 เม็ด และเครือข่ายยาเสพติดโกดังบริเวณ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พร้อมยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 7,000,000 เม็ด” นายนิวัฒน์ กล่าวในช่วงต้น
นายนิวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 และ ปปง. ได้สืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเรื่อยมา จนทราบว่าในช่วงกลางวันของวันที่ 26 ก.ค.2567 ได้มีกลุ่มบุคคลขับขี่รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ สีเทา นำยาเสพติดจำนวนมากเข้ามาเก็บซุกซ่อนไว้ในบริเวณบ้านเช่า หลังวัดหัวหิน หมู่ที่ 2 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือจ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม จนกระทั่ง ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 18.45 น. รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซ รุ่นมิวเอ็กซ์ สีเทา คันเดิม ได้ขับขี่เข้าไปในบ้านเช่าหลังดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเข้ามาเตรียมนำยาเสพติดออกไปส่งให้แก่ลูกค้า ด้วยเหตุจำเป็นเร่งด่วน จึงได้อาศัยอำนาจเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เข้าทำการตรวจค้นบ้านเช่าหลังข้างต้น ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 5 คน พร้อมของกลางเป็น ยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 3,100,000 เม็ด (สามล้านหนึ่งแสนเม็ด) ที่ส่วนใหญ่ได้บรรจุลงในถุงดำ เพื่อเตรียมนำส่งให้แก่ลูกค้า เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหามาทำการสืบสวนขยายผล ที่ ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และเมื่อเสร็จสิ้น ได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายนิวัฒน์ กล่าวในช่วงท้ายว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่มุ่งมั่นในการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างต่อเนื่อง และขอกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เร่งยกระดับความเข้มข้นในการลาดตระเวนเสาะหาสิ่งผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข มีชุมชนที่น่าอยู่ มีสังคมที่มีความสุข บ้านเมืองมีความมั่นคงสงบเรียบร้อย ประชาชนได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปลอดจากสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันป้องกันและแก้ไขอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งข้อมูล หรือ ร้องเรียน ร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1477/2567 วันที่ 30 ก.ค. 2567