เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย. 68) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงปฏิบัติการ “ดับซ่า กำแพงแสน” เมื่อเวลา 00.01 น. ที่ผ่านมา โดย น.ส.อโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ร่วมกับนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองสนธิกำลังกับชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดนครปฐม และอำเภอกำแพงแสน เข้าทำการจับกุมสถานประกอบการ ชื่อ “Radzone กำแพงแสน” ตั้งอยู่ที่ ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
“ปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกรมการปกครอง นำโดย นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน นายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง ร่วมกับนายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรากุล ปลัดจังหวัดนครปฐม และนายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพงแสน พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการรักษาดินแดน กว่า 30 นาย เปิดปฏิบัติการจู่โจมจับกุมสถานบริการ Radzone ทันทีที่สายลับพนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งชุดจับกุม โดยเมื่อชุดจับกุมเข้าไปภายใน ต้องตกใจเมื่อพบนักเที่ยวกว่า 120 คน กำลังดื่มด่ำบรรยากาศความสนุกสนานกันอย่างเมามันส์ และเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่แสดงตัว ก็ต่างพยายามวิ่งฝ่าวงล้อมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อหลบหนี”
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวว่า ที่มาของปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ เกืดจากการที่ น.ส.อโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองของนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอกำแพงแสนว่า ร้าน Radzone กำแพงแสน มีการปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปเที่ยว แถมให้นักเที่ยวใช้สารเสพติดภายในร้าน และอวดอ้างว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ให้การสนับสนุน จึงได้รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย และประสานกรมการปกครองทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและสืบสวนจนนำมาสู่การเข้าจับกุมดังกล่าว
“น.ส.อโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้รายงานผลการตรวจค้นและตรวจสอบสถานบริการ Radzone กำแพงแสน ไม่พบใบอนุญาตตั้งสถานบริการ จึงถือว่า “เป็นสถานบริการเถื่อน” ไม่มีการตรวจบัตรประชาชนของนักเที่ยว เพื่อคัดกรองอายุก่อนให้เข้าใช้บริการแต่อย่างใด และปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ และยังพบการใช้ยาเสพติดภายในร้าน ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะผู้ใช้บริการ พบเป็นสีม่วงจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป นอกจากนี้ ยังพบนักท่องเที่ยวพกพาอาวุธปืนบรรจุกระสุนพร้อมใช้งาน โดยพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ประกอบการ คือ 1) เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2) ปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการในสถานบริการ 3) มีการจำหน่ายสุราให้แก่เด็กและจำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 4) ไม่ตรวจเอกสารราชการที่มีภาพถ่ายและระบุอายุของผู้ซึ่งเข้าไปในสถานบริการ 5) จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด 6) โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อมและ 7) ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และการกระทำของสถานบริการดังกล่าว ยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เตรียมชงผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมสั่งปิดสถานที่เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ ยังได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ครอบครองอาวุธปืน 3 ข้อหาหนัก คือ 1) มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2) มีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3) พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ หรือพาไปในชุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ โดยไม่ได้รับอนุญาต” นายอรรษิษฐ์ กล่าว
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการ “ดับซ่า กำแพงแสน” ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า “กระทรวงมหาดไทยเต็มที่กับการจัดระเบียบสังคม” เพื่อสร้างความผาสุกในสังคม และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจากการตรวจพบการกระทำความผิดทั้งผู้ประกอบการสถานบริการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งยังส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ประพฤติปฏิบัติตนในทางไม่ถูกต้อง มีการใช้สารเสพติด และพฤติกรรมไม่เหมาะสมอื่น ๆ หนำซ้ำยังมีผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างอุกอาจ ด้วยการพกพาอาวุธปืนที่บรรจุกระสุนเข้าไปในสถานบริการที่มีผู้คนท่องเที่ยวจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยไม่สามารถที่จะปล่อยให้เกิดการกระทำเช่นนี้ได้ เพราะนอกจากจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง ยังเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปในทางที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
“ขอย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการสถานบริการทุกแห่ง ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการที่เจ้าพนักงานกำหนดอย่างเคร่งครัด หากมีการปล่อยปละละเลย จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานสามารถทำการจับกุมเฉกเช่นกรณีในครั้งนี้ ไม่มีใครจะสามารถเคลียร์ได้ ไม่มีสายโทรศัพท์สายใดติดต่อมายังผู้บริหาร กระทรวงมหาดไทยคนใดเพื่อขอได้ ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย และพนักงานฝ่ายปกครองจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนคนไทย ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลลูกหลานเด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดหรืออำเภอของท่าน หากพบเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ได้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย หรือกรมการปกครอง ผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายโดยไม่มีละเว้น” นายอรรษิษฐ์ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 393/2568 วันที่ 2 มิ.ย. 2568
