วันนี้ (5 ธ.ค. 68) เวลา 09.30 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปยังสำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อติดตามเร่งรัดการรับลงทะเบียนรับเงินเยียวยาอุทกภัย 9,000 บาท พร้อมทั้งให้กำลังใจประชาชนผู้เดินทางมาติดต่อลงทะเบียน รวมถึงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และนักศึกษาฝึกงาน ตลอดจนถึงจิตอาสาที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยมี นายอัธยา นวลอุทัย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าร าชการจังหวัดสมุทรสาคร ช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่
ทั้งนี้ ภายหลังจากติดตามการลงทะเบียนเยียวยาประชาชนที่สำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่แล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เดินทางต่อไปยัง ที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ และเทศบาลเมืองบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อติดตามเร่งรัดการคีย์ข้อมูลลงระบบรับเงินเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัย
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งติดตามการดำเนินการฟื้นฟูและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขโดยเร็ว
“วันนี้เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากทุกท่านได้ติดตามผ่านข่าวสารช่องทางต่าง ๆ ในทุกวัน จะเห็นว่าตอนนี้พี่น้องประชาชนผู้รับบริการเริ่มลดน้อยลงมา ด้วยเพราะขณะนี้ได้มีการโอนเงินเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนสำเร็จเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังมีพี่น้องประชาชนหลายส่วนที่อาจจะยังติดขัดในการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งในระบบจะขึ้นเป็นสีแดง ก็ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อรับทราบข้อมูล และลงชื่อพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและกดยืนยันให้เป็นสีเขียว โดยมีรองนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่อำนวยการบริการประชาชนอยู่ในสำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ สำหรับคนที่วอล์คอินเข้ามาเองเพื่อเขียนคำร้องก็จะมีผู้นำชุมชนมาอำนวยความสะดวก
สำหรับเงินเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้ง 8 จังหวัดภาคใต้ รัฐบาลได้อนุมัติเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ในส่วนของผู้เสียชีวิต รายละ 2,000,000 บาท และในส่วนของภาคธุรกิจ ภายหลังท่านนายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ประชุมร่วมกับหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในเรื่องของหลักเกณฑ์การฟื้นฟู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักชำระหนี้ และการดูแลนักท่องเที่ยวต่าง ๆ รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการในการฟื้นฟูและเยียวยาด้านเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ ได้แก่ 1. พักหนี้ พักต้น พักดอกเบี้ย ธนาคารพาณิชย์ – รัฐ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี 2. เงินกู้เพื่อการยังชีพและประกอบอาชีพ 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน ระยะเวลาเงินกู้ 3 ปี 3. เงินกู้เพื่อการซ่อมแซมที่พักอาศัย 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย เป็นเวลา 1 ปี ระยะเวลาเงินกู้ 3 ปี โดยให้คนในครอบครัวค้ำประกันวงเงินกู้ได้ 4. ให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ จ่ายชดเชยความเสียหายตามกรมธรรม์ประกันภัย โดยลดขั้นตอนอำนวยความสะดวกประชาชน 5. สำนักงานประกันสังคม “จ่ายชดเชยสูงสุดทุกกรณี” แก่ผู้ประกันตน 6. มาตรการช่วยเหลือ SMEs สนับสนุนฟื้นฟูธุรกิจกรณีพิเศษ โดยเร็วที่สุด และ 7. สนับสนุนมาตรการทางภาษี และการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่หาดใหญ่ และพื้นที่ประสบภัย “สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย”
แต่ที่สำคัญที่สุด “ตอนนี้เราได้ทำตามที่นายกรัฐมนตรีได้รับปากกับประชาชนไว้ว่า 7 วันประชาชนต้องได้กลับบ้าน” ซึ่งตอนนี้ครบ 7 วันแล้วนับตั้งแต่วันที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์พักพิงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งมีประชาชนเป็น 10,000 คน โดยทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้มีการบริหารจัดการได้อย่างดีมาก และรัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณทั้งด้านที่พักและอาหารการกินต่าง ๆ อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ยังคงเหลือผู้ป่วยที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งคณะแพทย์จากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโรงเรียนแพทย์ทุกสถาบันการศึกษาช่วยกันดูแล และพิจารณาในการอนุญาตให้กลับไปยังบ้านพักต่อไป
สำหรับการดำเนินการด้านการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ กระทรวงมหาดไทยยังคงช่วยเสริมการบริหารจัดการให้กับทางจังหวัดสงขลาอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง เราจะฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือในทุกเรื่อง โดยวันนี้ เวลา 15.00 น. จังหวัดสงขลา จะมีการประชุมและกำหนดการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบได้รับการฟื้นฟูและเยียวยาอย่างเต็มที่ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติในการช่วยเหลือ และในขณะนี้ทางท่านนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยยังคงใช้การประกาศภัยพิบัติในระดับที่ 4 ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจะได้มีการพิจารณาลดระดับของภัยลงเพื่อให้เป็นการบริหารจัดการโดยจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำ และมีหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้แทนของทุกกระทรวงเป็นกรรมการในการบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้การจัดการในพื้นที่จังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงโดยเร็วที่สุด
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1030/2568 วันที่ 5 ธ.ค. 2568
