วันนี้ (24 ก.ค. 68) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” และการให้ความช่วยเหลือ เมื่อวันพุธที่ 23 กรกฎาคม 25628 ณ ห้อง War room ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” รวมถึงปัญหาอุปสรรคในแต่ละพื้นที่ที่ได้ผลกระทบจากน้ำท้วม และนำปัญหาอุปสรรคต่างๆ มาถอดบทเรียนเพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทั่วถึง ซึ่งภาพรวมสถานการณ์พายุโซนร้อน “วิภา” ที่ขณะนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ส่งผลทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย ลำปาง เชียงใหม่ และเลย เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 29 อำเภอ 133 ตำบล 531 หมู่บ้าน 8,775 ครัวเรือน 32,176 คน มีผู้สูญหาย 1 ราย ในพื้นที่จังหวัดน่าน (เป็นเพศชาย ถูกน้ำพัด อ.ท่าวังผา)
สำหรับสถานการณ์ฯ ในขณะนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รายงานผลกระทบจากติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม ได้แก่ 1. จังหวัดน่าน เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ภูเพียง อ.ปัว อ.เชียงกลาง อ.ทำวังผา อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เวียงสา รวม 26 ตำบล 39 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 7,450 ครัวเรือน 27,565 คน และมีผู้สูญหาย 1 ราย 2. จังหวัดพะเยา เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ปง อ.เชียงคำ อ.จุน อ.ดอกคำได้ และ อ.ภูชาง รวม 30 ตำบล 131 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 82 ครัวเรือน 303 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 3. จังหวัดเชียงราย เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อ.ป่าแดด อ.เมืองเชียงราย อ.เทิง อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ อ.ขุนตาล อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.เวียงชัย อ.เวียงป่าเป่า อ.แม่สรวย และ อ.พญาเม็งราย รวม 51 ตำบล 259 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 923 ครัวเรือน 3,415 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีสถานศึกษาได้รับผลกระทบ 8 แห่ง และถนนถูกน้ำท้วม 11 สาย 4. จังหวัดลำปาง เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.งาว และ อ.วังหนือ รวม 15 ตำบล 70 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 316 ครัวเรือน 877 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 5. จังหวัดเชียงใหม่ เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.พร้าว อ.ฮอด อ.แม่ออน และ อ.แม่อาย รวม 10 ตำบล 30 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 6. จังหวัดเลย เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 1 อำเภอ ได้แก่ อ.ด่านซ้าย รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน เบื้องต้น ประชาชนได้รับผลกระทบ 4 ครัวเรือน 15 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จากการประชุมร่วมกับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในวันนี้ทำให้เห็นว่า จังหวัดได้มีการเตรียมรับมือสถานการณ์และออกปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลังและต่อเนื่อง และแม้สถานการณ์มีแนวโน้มคลี่คลายลง ก็ขอให้จังหวัดยังคงปฏิบัติการตามข้อสั่งการอย่างต่อเนื่อง ใช้เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล เพื่อสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ และเฝ้าระวังไม่ให้พื้นที่ที่เป็นโรงพยาบาลและศูนย์พักพิงที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์
ด้านการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขอให้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยหากทรัพยากรในพื้นที่ไม่เพียงพอ ให้ประสานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อจัดรถยกสูง รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย หรือเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 สนับสนุนการปฏิบัติการตามความเหมาะสมต่อไป ในส่วนของประชาชนที่ไม่ได้อพยพออกจากที่อยู่อาศัย ขอให้จังหวัดจัดส่งถุงยังชีพให้กับทุกครัวเรือนตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ขอให้จังหวัดดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งด้านการดำรงชีพ การแพทย์ และการสาธารณสุข รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่พักอาศัย โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อปพร. อส. และประชาชนจิตอาสา ลงพื้นที่ตรวจตราความเรียบร้อยเพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมและการลักขโมย เพื่อไม่ให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนซ้ำซ้อนในช่วงที่เกิดสถานการณ์ภัย
ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดเพิ่มการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ภัย ป้องกันความเข้าใจผิด และลดความตื่นตระหนกของประชาชน ตลอดจนขอให้สื่อสารกับประชาชนที่ไม่ประสงค์อพยพออกจากที่อยู่อาศัยด้วยความเข้าใจ โดยกำหนดประเด็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะยังคงติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนภัยประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำไหลหลากในหลายพื้นที่จังหวัดน่านในวันพรุ่งนี้ และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าตลอด 24 ชั่วโมง “ผ่านทางแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT” หรือ “สายด่วนนิรภัย 1784”
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 552/2568 วันที่ 24 ก.ค. 2568