เมื่อวานนี้ (24 ก.ค. 68) เวลา 16.20 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นัดพิเศษ) ณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมในการแถลง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมสภาความมั่นคงนัดพิเศษอันเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ซึ่งมีการปะทะกันที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญจึงได้ปฏิบัติตามมาตรา 8 วรรค 2 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 โดยเชิญท่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมาร่วมประชุมด้วย ให้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษด้วย โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ 1. สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ได้มีเหตุปะทะกัน ซึ่งที่ได้รับรายงานจากหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ เป็นการยิงเข้ามาของทางกัมพูชาก่อน และได้เกิดเหตุบานปลายขึ้น จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน โดยตั้งแต่เช้ามาก็ได้มีการใช้อาวุธในระดับต่างกัน สิ่งที่สำคัญ คือ การยิงของกัมพูชาได้ใช้อาวุธในการยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ยิงเข้ามาในเขตที่เกี่ยวข้องกับพลเรือนและมีพลเรือนเสียชีวิต ล่าสุด 11 คน จำแนกเป็น พลเรือน 10 ราย และทหาร 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บ 28 คน โดย 24 คนเป็นพลเรือน และ 4 นายเป็นทหาร
2. ในขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ และเรายังมีการระมัดระวังและป้องกันอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่า 50 กิโลเมตร เพราะถือเป็นระยะที่ปลอดภัยที่สุด และได้สั่งการให้มีการอพยพแล้ว พร้อมทั้งดูแลประชาชนและดำเนินการในแต่ละพื้นที่ซึ่งมีแผนดำเนินการที่เคยซักซ้อมอยู่แล้ว และการดำเนินการเป็นไปอย่างเรียบร้อย พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปทำหน้าที่ในการดูแลทรัพย์สินประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่แล้ว
“เราประณามว่าเป็นการใช้อาวุธหนักที่รุนแรงและไม่มีเป้าหมายและไม่ได้จำกัดเฉพาะการต่อสู้ เป็นการยิงเข้ามาและก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางลูกเข้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ที่ร้านสะดวกซื้อ และบางส่วนยิงลงเข้ากลางโรงพยาบาล และบางส่วนก็ห่างจากพื้นที่โรงพยาบาล 3 กิโลเมตร ดังนั้น เรื่องนี้เราขอประณามว่าเป็นการใช้กำลังและดำเนินการโดยไม่ได้ยึดในเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศที่ต้องคำนึงถึงและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่การประกาศสงครามแต่เป็นเรื่องการปะทะกัน ซึ่งเรายังยืนยันหลักการว่า ต้องใช้สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรงและต้องพยายามพูดคุยกันในการแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะที่มีการยั่วยุจากฝั่งกัมพูชามาโดยตลอด และเราต้องป้องกันตัวเราเองและป้องกันอธิปไตยของประเทศ นี่คือหัวใจสำคัญ และเรายอมไม่ได้ที่จะให้มีลักษณะการบุกรุกหรือในการที่จะละเมิดอธิปไตยของประเทศเรา และขณะนี้ได้เตรียมการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยทางกองทัพได้ดำเนินการในการที่จะปกป้องอธิปไตยในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยมีกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบและขณะที่เราได้ให้อำนาจของทหารในการใช้มาตรการต่าง ๆ ตามความจำเป็น โดยพยายามยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสถานการณ์มันฉุกเฉินซึ่งอาจจะไม่มีเวลาที่จะมารอขออนุญาตอะไร จึงให้ดำเนินการตามขอบเขตและแจ้งให้รัฐบาลทราบโดยเร็ว” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ที่ประชุมได้มีมติซึ่งถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีด้วย คือ “ให้ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุด” ดูแลเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และเยียวยาผู้บาดเจ็บทั้งหมด ตามกฎระเบียบที่ได้วางไว้อยู่แล้ว พร้อมมอบหมายให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการก็ได้มีการประกาศปิดโรงเรียนในระยะรัศมีที่ใกล้เคียงกันกับชายแดนที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน ด้านกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการดำเนินการในการที่จะเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลอำเภอในบริเวณชายแดนให้เป็นโรงพยาบาลสนาม และอพยพคนไข้ที่บาดเจ็บทั้งหมดไปอยู่แนวหลังที่อยู่ในจุดที่ปลอดภัย ในส่วนมาตรการด้านการต่างประเทศ ก็ได้ดำเนินการลดระดับความสัมพันธ์ด้วยการเรียกทูตของไทยกลับประเทศ และส่งทูตกัมพูชากลับไปประเทศเขาซึ่งถือเป็นระดับที่รุนแรงที่สุดในทางการทูตแล้ว”
.
“เราไม่ยอมสูญเสียอธิปไตยของประเทศเรา เราปกป้องตนเองเต็มที่ รัฐบาลยืนยันดูแลพี่น้องประชาชนของเราเต็มที่ ทำทุกเงื่อนไขอย่างสุดความสามารถ” นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติม
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 553/2568 วันที่ 25 ก.ค. 2568