วันนี้ (7 ก.ย. 68) เวลา 10.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” และงานหัตถกรรม ประจำปี 2568 ระดับภาคใต้ ณ โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา สงขลา มีเลีย ต.พะวง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา โดยมี นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางอรจิรา ศิริมงคล อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมคณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก และสื่อมวลชน ร่วมพิธี
โอกาสนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระรูป สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา กล่าวเปิดการประกวด พร้อมเยี่ยมชมผลงานผ้าและงานหัตถกรรมที่ผ่านเข้ารอบประกวดระดับภาคใต้ จำนวน 834 ผืน และงานหัตถกรรม จำนวน 50 ชิ้น รวม 884 ผลงาน
นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างล้วนได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทำให้มีแนวทางในการขับเคลื่อนพัฒนาทักษะผู้ประกอบผ้า หัตถศิลป์ หัตถกรรม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน มาเป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ คือการพัฒนา การได้เห็นคนรุ่นใหม่ๆ ได้มาต่อยอดในเรื่องการพัฒนางานหักภาษีหัตถกรรมด้วยเพราะเห็นต้นแบบเห็นตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จ จากสิ่งที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายได้ทำมา ที่เมื่อมาประกอบอาชีพในด้าน ผ้าและงานหัตถกรรม ก็ได้มีอาชีพมีรายได้ เพิ่มมากขึ้นอย่าง มั่นคง โดยมีคณะทำงานโครงการผ้าไทยใสให้สนุกในพระดำริ เปรียบเสมือนวิชชาลัยเคลื่อนที่ ลงพื้นที่ไปทั่วทุกสารทิศ ทุกภูมิภาคของประเทศไทย อย่างภาคใต้ พื้นที่จังหวัดสงขลามีกลุ่มที่พวกเราจะคุ้นเคย อาทิ กลุ่ม “ME-D นาทับ” (มีดีนาทับ) ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ที่เป็นตัวอย่างสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาตนเอง กระทั่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มมูลค่าของผ้า ด้วยเพราะมีลวดลายที่สวยงาม และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สมาชิกในกลุ่ม คนในหมู่บ้าน ได้มีรายได้ ยังผลให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง และชุมชนเข้มแข็ง
“สิ่งสำคัญ คือ ก่อนจะพัฒนาได้ ต้อง “เข้าใจ เข้าถึง” ดังที่คณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ได้ลงพื้นที่นำพระดำริไปอบรมให้เกิดการเรียนรู้ น้อมนำลายพระราชทานไปสู่การต่อยอดในพื้นที่ ทั้งการออกแบบลวดลาย การให้สี การจัดทำบรรจุภัณฑ์ ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานองค์ความรู้ผ่านหนังสือ Thai Textiles Trend ซึ่งพระองค์ได้ทรงเป็นบรรณาธิการด้วยพระองค์เอง และเล่มล่าสุดคือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 พร้อมพระราชทานแนวทางให้มีการประกวดขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการผ้าและงานหัตถกรรม ใช้ทักษะฝีมือที่ตนเองได้พัฒนามาประชันผลงานอย่างสุดฝีมือและหลากหลาย โดยหลังจากการประกวดระดับภาค จะมีการประกวดในรอบ Semi Final เพื่อคัดเลือกสุดยอดผลงานเข้าสู่รอบ Final ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งพระองค์ท่านจะเสด็จเป็นองค์ประธานในการตัดสินด้วยพระองค์เอง ดังนั้น พอเข้าสู่รอบสุดท้าย การได้แชมป์ยากแล้ว “แต่การรักษาแชมป์ยากกว่า” สะท้อนว่า สิ่งที่ดีต้องรักษาไว้ และพัฒนาต่อไป และเป็นที่น่าชื่นชมยินดีว่า ในปีนี้มีคนหน้าใหม่ ๆ ส่งผลงานเข้าประกวดเยอะ เพราะพวกเขาได้เห็นตัวแบบที่ดี และจะต้องมีเพิ่มพูนมากขึ้น ๆ และต้องมีผู้ได้รับรางวัล และไม่ได้รับรางวัล แต่ทุกคนก็จะพัฒนาฝีไม้ลายมือของตนเองให้ผลงานเพิ่มมูลค่าขึ้น นี่คือวงจรของการประกวด นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนิสิตนักศึกษา ด้วยการเสด็จไปทรงบรรยายถ่ายทอดในโอกาสต่าง ๆ และเสด็จไปปฏิบัติพระกรณียกิจในทุกพื้นที่เป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและนานาประเทศ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศเชิดชูพระเกียรติและทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญสดุดีพระกรณียกิจด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม การส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้สนองงานให้เกิดการปฏิบัติและถ่ายทอดสู่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมตามพระดำริที่ทรงมุ่งมั่น” นายอรรษิษฐ์ กล่าว
นายอรรษิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง แม้ว่ากรมการพัฒนาชุมชน จะขับเคลื่อนพัฒนาผู้ประกอบการอย่างเต็มกำลัง ถึงกระนั้น กระทรวงมหาดไทยในฐานะ กระทรวงที่มีภารกิจในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ได้มา “ซ้ำเสริม” เติมเต็มเพื่อให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้ตระหนักถึงองค์ความรู้ที่พระองค์ท่านได้ทรงงานและพระราชทานมาตลอด 6 ปี เพื่อเสริมสร้างความรับรู้เข้าใจ และทำให้เกิดความยั่งยืนเพิ่มพูนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งสำคัญต้องสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา และถ่ายทอดสิ่งนี้ให้มากที่สุด คนที่เป็นแชมป์ ก็ต้องถ่ายทอดองค์ความรู้และวิธีการในการพัฒนาทักษะฝีมือให้คนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้พัฒนาไปด้วยกัน สร้างรายได้ สร้างอาชีพไปด้วยกัน นี่คือสิ่งที่จะทำให้ยั่งยืน เฉกเช่นโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง ที่เราจะต้องขยายให้หมู่บ้าน/ชุมชนทั้งตำบล ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด ได้ร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อเป็นต้นแบบแหล่งเรียนรู้และสร้างรายได้ที่เจือจุนกัน อันจะทำให้ทุกคนได้เติบโตเข้มแข็งไปด้วยกันอย่างทั่วถึง
นายสยาม กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดำเนินโครงการยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรม โดยจัดประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” จำนวน 14 ประเภท และงานหัตถกรรม ตามชิ้นงานที่เหมาะสม ซึ่งได้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. – 14 ส.ค. 68 มีผ้าและงานหัตถกรรมที่ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 8,903 ชิ้น แบ่งเป็นประเภทผ้า จำนวน 8,336 ผืน และงานหัตถกรรม จำนวน 567 ชิ้น โดยภาคใต้มีผ้าที่ส่งเข้าประกวด 1,440 ผืน ผ่านเข้ารอบภาคใต้ 834 ผืน และงานหัตถกรรม 567 ชิ้น ผ่านเข้ารอบภาคใต้ 50 ชิ้น
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 741/2568 วันที่ 7 ก.ย. 2568