วันนี้ (10 ก.ย. 68) เวลา 11.00 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.นพนันท์ ชั้นประดับ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
การประชุมในครั้งนี้ เป็นการติดตามผลการปฏิบัติการที่สำคัญในปี พ.ศ. 2568 รวมถึงข้อเสนอแนะ ความคืบหน้าคดีสำคัญ แนวโน้มสถานการณ์ การประสานงาน และแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยการบรรยายสรุปจาก พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ผบ.กกล.ตร.จชต. พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต.
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางพร้อมคณะเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งติดตามการดำเนินงานที่สำคัญ เพื่อนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงและพัฒนาเชิงนโยบายในระดับกระทรวงและภาพรวม โดยมุ่งหวังให้เกิดความสามัคคีปรองดอง ความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับระบบสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับผลกระทบที่ต้องมีการติดตาม ตรวจสอบ และดูแลสิทธิสวัสดิการอย่างรอบคอบ เพื่อวางระบบการช่วยเหลืออย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ยังได้เสนอแนวทางในการพัฒนาความรู้ด้านการทหารแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะปลัดอำเภอที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งการฝึกอบรมหลักสูตรทางยุทธวิธี การประเมินสถานการณ์ และการเสริมสร้างภาวะผู้นำ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งความปลอดภัยทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และครอบครัวของเจ้าหน้าที่
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยมอบหมายให้ปลัดอำเภอทำหน้าที่หัวหน้าชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ดำเนินการอย่างเคร่งครัด และหากเกิดเหตุการณ์สำคัญให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประจำอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา พร้อมทั้งได้สั่งการให้ปลัดจังหวัดกำกับ ดูแล และประเมินผลการปฏิบัติของหัวหน้าชุดอย่างเข้มงวด
“กระทรวงมหาดไทยยังได้ขับเคลื่อนและสนับสนุนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ซึ่งได้ดำเนินการแล้วกว่า 44 รุ่น โดยเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ทั้งไทยพุทธและมุสลิม เดินทางไปเรียนรู้และใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวทหารในพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงรุ่นพี่ที่ผ่านโครงการรุ่นต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความผูกพัน และเป็นภาคีเครือข่ายที่สำคัญ อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่อย่างยั่งยืน ซึ่งได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่อง” นายอรรษิษฐ์ กล่าว
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 747/2568 วันที่ 10 ก.ย. 2568