วันนี้ (8 ต.ค. 68) เวลา 13.30 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมี นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รองอธิบดี และผู้แทนจากทุกกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) พร้อมด้วยนายอนุลักษณ์ รุ่งแสงทวีศักดิ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ นางสาวพิมพ์อัปสร บริบูรณ์รัตน์ รักษาการหัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมดำรงธรรม อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณากรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 – 2570 ตามแนวทางของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยเน้นให้การประเมินอยู่บนพื้นฐาน “Performance Base” และ “Potential Base” และมีการบูรณาการตัวชี้วัดร่วม (Joint KPIs) ในหลายมิติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งในเชิงผลสัมฤทธิ์ของภารกิจและสมรรถนะขององค์กร โดยแต่ละกรมจะต้องจัดทำตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 และนโยบายสำคัญของรัฐบาล
นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า การประเมินผลการปฏิบัติราชการเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสะท้อนประสิทธิภาพของการบริหารงานภาครัฐ และเป็นแนวทางในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลจริงในระดับพื้นที่ ดังนั้น ทุกกรมต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน วัดผลได้ และเชื่อมโยงกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้การดำเนินงานทุกภารกิจเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อประชาชน
“ตัวชี้วัดต้องไม่เป็นเพียงตัวเลขบนกระดาษ แต่ต้องสะท้อนผลลัพธ์จริงในชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นด้านการลดมลพิษทางอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและ OTOP การแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือการพัฒนาท้องถิ่นให้น่าอยู่และการประเมินผลก็ไม่ใช่เพียงแค่การตรวจสอบผลงาน แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงคุณภาพการบริหารราชการให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความโปร่งใสในการให้บริการ ตลอดจนการทำงานของทุกหน่วยราชการในสังกัดมท. จะต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลเป็นกรอบของการทำงานควบคู่ไปด้วย”
นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกส่วนงานที่ได้ร่วมดำเนินการพิจารณากำหนดกรอบการประเมินผลฯ โดยมี ก.พ.ร. และผู้ที่ดูแลรับผิดชอบทุกกรม ช่วยให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง ขอให้ทุกกรมได้มีการติดตามเรื่องอยู่เสมอ และตระหนักอยู่เสมอว่างานดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่ผลงานของเราเพียงคนเดียวแต่เป็นภาพรวมผลการทำงานของส่วนราชการทั้งกระทรวง จึงต้องมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน สร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่องค์กร สังคม และประเทศชาติสืบไป
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 832/2568 วันที่ 8 ต.ค. 2568