กระทรวงมหาดไทย ร่วม ก.พ.ร. และกรมธุรกิจพลังงาน ขับเคลื่อน “ระบบ SAFETY” เร่งเดินหน้าระบบอนุญาตน้ำมันเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มประสิทธิภาพอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการทั่วประเทศ

วันนี้ (28 ต.ค. 68) เวลา 10.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายสันติธร ยิ้มละมัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานประชุมขับเคลื่อนการใช้งานระบบรับแจ้งและอนุญาตให้ประกอบกิจการตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 (SAFETY) ครั้งที่ 2/2568 ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมี นายบรรเลง บุญเลิศ รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนหน่วยงานรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ชั้น 7 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

การประชุมในครั้งนี้ ได้มีการหารือในประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1) ร่างคำสั่งกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง มอบหมายอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 2) แผนงานขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน ตามคำสั่งมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน 3) รายงานความคืบหน้า การขับเคลื่อนการใช้งานระบบรับแจ้งและอนุญาตให้ประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 (ระบบ SAFETY) และ 4) แผนการจัดอบรมให้ความรู้ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามภารกิจที่ถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

สำนักงาน ก.พ.ร. และกรมธุรกิจพลังงาน ได้ร่วมกันพัฒนาระบบรับแจ้งและอนุญาตให้ประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วย การควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 (SAFETY) เพื่อให้การขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตประกอบกิจการตามกฎหมายควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปิดให้บริการในเขตกรุงเทพมหานครแล้วตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดให้บริการระบบดังกล่าวในส่วนภูมิภาคในเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยอธิบดีกรมธุรกิจพลังงานได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาอนุญาต ซึ่งมีสำนักงานพลังงานจังหวัดเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการพิจารณาในชั้นต้นและนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงแนวทางการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจำเป็นต้องมีการสื่อสารทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการดำเนินการสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้รับบริการ