วันนี้ (4 พ.ย. 68) เวลา 13.45 น. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมเร่งรัดการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 โดยมีนายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการจังหวัด 65 จังหวัดหรือผู้แทน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปึงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 6,169.986 ล้านบาท (งบกลางฯ ปี 2569) เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ สืบเนื่องจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการให้ตนเร่งรัดและติดตามการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีฯ และให้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 65 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย ได้ดูแลกำกับหัวหน้าส่วนราชการและผู้ที่รับผิดชอบ ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่ยังดำเนินการไม่ครบถ้วน
“ขอให้ทุกจังหวัดดำเนินการสำรวจตรวจสอบผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา พร้อมทั้งรายงานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผ่านคณะกรรมการอำเภอและจังหวัด ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนอย่างครบถ้วน” นายศักดิ์ดา กล่าว
นายศักดิ์ดา กล่าวเน้นย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุสาธารณภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริหาร ปภ. ตรวจสอบสถานะทะเบียนผู้ที่ได้รับเงิน ว่าได้รับครบถ้วนหรือไม่ อาทิ ตรวจสอบความถูกต้องของเลขบัญชีธนาคาร โดยการเปิดวอรูมรับแจ้งปัญหาอุปสรรค เพื่อไม่ให้ตกหล่นและสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยด่วนที่สุด
นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะบุคคลสามารถส่งเงินออมสินได้ จำนวนทั้งสิ้น 116,409 ครัวเรือน โดยส่งเรื่องให้ธนาคารออมสินโอนเงินแล้ว ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 โอนเงินสำเร็จแล้ว 67,050 ครัวเรือน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2528 จังหวัดพิจิตร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โอนเงินสำเร็จจำนวน 12,702 ครัวเรือน ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 จังหวัดกระบี่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย ปทุมธานี เลย เชียงใหม่ อ่างทอง จันทบุรี และระนอง โอนเงินสำเร็จ 16,399 ครัวเรือน และคาดว่าครั้งที่ 4 วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จังหวัดลำปาง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี เชียงราย และนครสวรรค์ จำนวน 19,214 ครัวเรือน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 906/2568 วันที่ 4 พ.ย. 68
