วันนี้ (11 พ.ย. 68) เวลา 15.00 น. นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับและร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ร่วมกับ ดร.ศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส Sea (ประเทศไทย) นายภวิกกร พวงเกตุแก้ว หัวหน้าฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ นายกันตภณ พร้อมมูล ผู้จัดการฝ่ายกิจการองค์กร Shopee (ประเทศไทย) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน และผู้อำนวยการกลุ่มงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ ณ ห้องประชุมดำรงธรรม ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
นางสาวศศิธร กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มุ่งขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศนโยบายสำคัญเร่งด่วน “มหาดไทย ทำ ทัน ที Action 5” ซึ่ง 1 ใน Action ที่สำคัญ คือ “การลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ส่งเสริมสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ส่งเสริมสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (Action to Achieve Economic Prosperity)” โดยมุ่งพัฒนาสินค้า OTOP และสินค้าชุมชน เพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านตลาด Online และงานแสดงสินค้า เพื่อยกระดับรายได้ในชุมชน รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เชื่อมโยงอัตลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างรายได้ กระจายผลประโยชน์สู่เศรษฐกิจฐานราก และสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายคนละครึ่ง พลัส ผ่านกลไกจังหวัด อำเภอ ท้องที่ ท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนและร้านค้าสามารถเข้าถึงสิทธิ์อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
วันนี้เป็นโอกาสดีที่ทาง Shopee ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายของกรมการพัฒนาชุมชน ได้มาร่วมกันหารือถึงการต่อยอดแนวทางพัฒนาช่องทางด้วย Campaign ยกระดับการตลาด เพื่อขยายฐานของผู้ประกอบการ OTOP เข้าสู่แพลตฟอร์มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถไปถึงผู้บริโภคทั้งภายในและนานาประเทศได้ง่ายขึ้น จึงได้เน้นย้ำให้ “กรมการพัฒนาชุมชน” ได้สื่อสารสร้างการรับรู้ไปยังผู้ประกอบการเกี่ยวกับประโยชน์ของการเพิ่มช่องทางการตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อทำให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจฐานรากเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นระบบ รวมถึงการส่งเสริมองค์ความรู้ “ความมั่นคงทางอาหาร (Food security)” ด้วยการผลิตอาหารปลอดสารพิษปลอดเคมีที่ถือเป็นจุดแข็งของอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ เช่น ลำไยอบแห้ง หรือผลิตภัณฑ์เกษตรอื่น ๆ เพื่อทำให้สินค้าชุมชนได้รับการยกระดับจากระดับชาติสู่ระดับสากลตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้
การประชุมในวันนี้ยังได้มีการกล่าวถึงการขับเคลื่อนโครงการคนละครึ่ง พลัส ซึ่งในปัจจุบัน มีจำนวนร้านค้า OTOP ที่ลงทะเบียน คนละครึ่ง พลัส แล้ว 36,236 ร้านค้า โดยจังหวัดที่มีร้าน otop คนละครึ่ง พลัส มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี สมุทรสาคร สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดปัตตานี โดยในสัปดาห์หน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำเสนอโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งทางรัฐบาลจะได้มีการแถลงถึงโครงการฯ ดังกล่าวต่อไป
ด้านผู้แทน Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า Shopee มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรม หัตถศิลป์ หัตถกรรม ภูมิปัญญาไทย เพื่อที่จะยกระดับสินค้าของ Local หรือท้องถิ่นให้ไปสู่ระดับ Global หรือนานาชาติ โดยในปีที่ผ่านมา Shopee ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อหนุนเสริมช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ OTOP ประเภทต่าง ๆ ผ่านโครงการที่น่าสนใจ อาทิ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” From Local to Local โดยจัดโชว์เคสผ้าไทยร่วมสมัยที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ภายในงาน OTOP City และแคมเปญออนไลน์บน Shopee และ From Local to Global โดยจัดแคมเปญร่วมกับ Shopee Singapore เพื่อโปรโมทผ้าไทยและสินค้าแฟชั่นไทยในตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งคัดเลือกร้านผ้าไทยที่พร้อมส่งออกหรือร้านที่มีที่ตั้งในต่างประเทศ จัดทำหน้าแคมเปญพิเศษบนแพลตฟอร์ม Shopee ควบคู่การพัฒนาองค์ความรู้และทักษะผู้ขายในรูปแบบ Train the Trainer ที่เน้นเนื้อหาด้านการขายออนไลน์ การสร้างแบรนด์ การถ่ายภาพสินค้า การใช้เครื่องมือช่วยขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับตัวแทนแต่ละจังหวัด/ชุมชนเพื่อสามารถขยายผลถ่ายทอดความรู้ได้ พร้อมพัฒนาโปรแกรม “OTOP Growth Journey” สร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีร้านค้า OTOP ใน Platform shopee แล้ว 1,188 ร้าน
ด้านผู้แทนกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการพัฒนาชุมชนได้นำนโยบาลของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้มีช่องทางการจำหน่ายทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถขายได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยมีภาคีเครือข่ายบนระบบ e-commerce หลากหลาย เช่น บมจ.ไปรษณีย์ไทย ที่มีสาขาประมาณ 20,000 สาขา แพลตฟอร์ม NOC NOC แฟลตฟอร์ม TikTok แพลตฟอร์ม Newgen ร้าน Good good ของกลุ่ม Central ร้าน 7-11 ของ CPALLร้าน ร้านไทยเด็ดของ ปตท. รวมถึง Shopee ของ Sea (ประเทศไทย)
“ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ OTOP อยู่ในแพลตฟอร์ม Shopee กว่า 1,188 ร้านค้า ซึ่งหลายร้านก็ได้เป็นสมาชิกของ Shopee ตั้งแต่ก่อนการสร้างร่วมมือของกรมการพัฒนาชุมชน และจากสถิติยอดจำหน่ายทางแพลตฟอร์ม Shopee ที่ผ่านมานับแต่การร่วมมือ ในปี 2565 มียอดจำหน่ายกว่า 80 ล้านบาท ปี 2566 ยอดจำหน่ายกว่า 146 ล้าน ปี 2567 ยอดจำหน่ายกว่า 162 ล้าน และปี 2568 ในปัจจุบันมียอดจำหน่าย 211 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายถึง 300 ล้านบาท โดยในด้านคุณภาพ กรมการพัฒนาชุมชนได้กำชับและคัดสรรผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท ด้วยการตรวจสอบและรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเภทผลิตภัณฑ์ อาทิ มาตรฐานอาหารและยา (อย.) มาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ.) เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในมาตรฐานสินค้า OTOP ที่เป็นสินค้าของคนไทย เป็นสินค้าจากฝีไม้ลายมือชาวบ้านในชุมชน ที่ได้รับการยอมรับทั้งจากผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ อันจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ประชาชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล“
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 925/2568 วันที่ 11 พ.ย. 2568
