เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมประชุมหารือการขับเคลื่อนการดำเนินงานระหว่างกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รศ.ดร.วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ดร. อภิรดี ขาวเธียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และนางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน และคณะเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมดำรงธรรม อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
.
รศ.ดร.วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้เข้าหารือร่วมกับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นเกี่ยวกับการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ SME ขึ้นทะเบียนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ สามารถขยายตลาดสินค้าและบริการของตนเองเข้าสู่ตลาดภาครัฐได้มากขึ้น และประเด็นการส่งเสริมให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าใช้ระบบ thaismegp ในการค้นหาผู้ประกอบการ SME ตามประเภทสินค้าและบริการและนำเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และต่อมาได้มีการหารือเพิ่มเติมกับเกี่ยวกับ “แนวทางการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ” โดยกระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจขึ้นทะเบียนธุรกิจ SME เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยผู้ประกอบการธุรกิจ SME จะได้รับแต้มต่อ ร้อยละ 10 ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งผลการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SME ที่ขึ้นทะเบียนผ่านจังหวัดแล้วกว่า 130,000 ราย และในปีที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนสู่กลุ่มธุรกิจ SME แล้วกว่า 5.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้มีความสามารถในการแข่งขัน
.
รศ.ดร.วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มีมาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ Business Development Service โดยอัดฉีดงบกว่า 400 ล้านบาท ให้ธุรกิจ SME ใช้บริการพัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการมีโอกาสเข้าถึงบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกประเภทของบริการที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจตัวเองได้ โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ผู้ประกอบการแบบร่วมด้วยช่วยจ่ายในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 ตามขนาดของธุรกิจ ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นส่วนหนึ่งให้กับผู้ประกอบการ SME ซึ่งนอกจากธุรกิจ SME จะมีโอกาสเติบโตขึ้นจากการพัฒนาบริการด้านมาตรฐานแล้ว ผู้ประกอบการ SME ก็ได้เงินคืนด้วย
.
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งในการบูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และได้ประชาสัมพันธ์ไปยังจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างเป็นธรรม และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถดำรงชีพได้ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจ SME ที่ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็มีความพร้อมในการสนับสนุนผลักดันการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อทำให้ท้องถิ่นเกิดการพัฒนายิ่งขึ้นไป และในระยะต่อไปจะได้มีการหารือร่วมกันถึงการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความยากจน โดยอาศัยข้อมูลจากระบบ TPMAP ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้ฐานข้อมูลคนยากจนจากระบบดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า โดยผู้ที่ตกเกณฑ์ตัวชี้วัดในมิติด้านรายได้ควรผลักดันให้ผู้ประกอบการ SME เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจ้างงานในกลุ่มคนยากจน/ผู้มีปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ตกเกณฑ์ในมิติด้านรายได้ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนทั้งกลุ่มคนยากจนและผู้ประกอบการ SME ไปพร้อม ๆ กัน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 180/2565 วันที่ 26 พ.ค. 2565
