วันนี้ (16 ธ.ค. 65) นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดกิจกรรมสัปดาห์แห่งการสร้างการตระหนักรู้เนื่องในโอกาสวันดินโลก ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิดกิจกรรม “Great food from good soil for better life awareness week” หรือ “ดินดี อาหารดี สุขภาพดี ชีวีมีสุข” ในระหว่างวันที่ 1 – 15 ธันวาคม 2565 ซึ่ง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญในการ Change for Good เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ให้มีความมั่นคง ด้วยการพึ่งพาตนเองด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งเมื่อวานนี้ (15 ธ.ค. 65) ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร นำโดย ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร และที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู เจ้าหน้าที่และนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 4,160 คน เข้าร่วมกิจกรรมการสร้างความตระหนักรู้ให้เด็กนักเรียน ได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรดิน ซึ่งมีการจัดกิจกรรมการเดินรณรงค์ กิจกรรมการประกาศเจตนารมณ์ และกิจกรรมปลูกต้นไม้ โดยนำหัวข้อการรณรงค์ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่กำหนดว่า Soils, where food begins หรือ อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน มาใช้ในการปลูกฝังจิตสำนึกเพื่อให้เด็กนักเรียนได้ตระถึงความสำคัญของ “ดิน”
นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร กล่าวว่า กิจกรรมงานวันดินโลก ประจำปี 2565 ที่ได้จัดขึ้นเมื่อวานนี้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในสถานศึกษาจำนวน 4 แห่ง มีคณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู เจ้าหน้าที่และนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 4,160 คน โรงเรียน รายละเอียดดังนี้ 1) โรงเรียนเทศบาล 2 พิบูลวิทยาคาร จำนวน 435 คน 2) วิทยาลัยเทคนิคพิบูลมังสาหาร จำนวน 2,025 คน 3) โรงเรียนอนุบาลพิบูลมังสาหารวิภาคย์วิยากร จำนวน 670 คน และ 4) โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จำนวน 1,700 คน ซึ่งแต่ละแห่งมีการจัดกิจกรรมอย่างน้อย 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมการเดินรณรงค์ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้เรื่องวันดินโลกให้แก่ประชาชน และภาคีเครือข่าย ให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดิน ตลอดจนสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน กิจกรรมการประกาศเจตนารมณ์เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์และสร้างความตระหนักรู้ และกิจกรรมปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ภายในบริเวณพื้นที่ของสถานศึกษา
ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร และที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในสถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก ความตื่นตัวในการเรียนรู้ และความสนใจของน้อง ๆ เด็กนักเรียนที่เห็นความสำคัญของทรัพยากรดิน และ น้ำ ซึ่งเป็นที่มาของทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ ไม่เพียงเฉพาะแต่อาหาร แต่ดินยังเป็นต้นกำเนิดของ ปัจจัย 4 ของมนุษย์ ทั้ง อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่มห่ม และที่อยู่อาศัย รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ ทั้งเหล็ก อะลูมิเนียม อัญมณี ฯลฯ ก็ล้วนอยู่ในผืนดินเช่นกัน เป้าหมายของการรณรงค์นี้ หัวใจสำคัญ คือ การรับรู้และเห็นคุณค่าถึงทรัพยากรดิน เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ และฟื้นฟูสภาพดินที่ถูกทำลาย ซึ่งจะทำให้มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดินได้อย่างยั่งยืน ถือเป็นการส่งต่อความรักจากบรรพบุรุษของเราไปสู่คนรุ่น ๆ ถัดไป ดังนั้น การรักษาทรัพยากรดิน หรือ ทรัพยากรน้ำ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ระบบนิเวศของโลกมีความสมบูรณ์ เมื่อธรรมชาติอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ เราเองก็จะอยู่ได้ด้วย เราต่างอยู่แบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแต่มนุษย์ แต่รวมถึงสัตว์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกด้วย
ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร กล่าวต่อว่า ทรัพยากรธรรมชาติบนโลกของเรามีจำกัด คำถามสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้คน Generation ถัดไป สามารถอยู่ได้ ปัญหาที่พบในปัจจุบัน ผืนแผ่นดินบนโลกถูกทำให้เสื่อมโทรมสาเหตุหลักเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์เรา โดยเฉพาะการทำเกษตรเพื่อสนองตอบการบริโภคที่เกินพอดี มีการใช้สอยใช้ประโยชน์อย่างฟุ่มเฟือย จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ทรัพยากรดิน น้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพของเรากำลังเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการในพระราชดำริทั้งปวง “สิ่งใดที่ยังเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ต้องดำเนินการและขับเคลื่อนต่อไป” และพระราโชบายที่แน่วแน่ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นหลักการที่คนไทยทุกคนควรศึกษา และน้อมนำมาปรับใช้จนเป็นวิถีชีวิต โดยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ห่วงแรก คือ “ความพอประมาณ” กล่าวคือ เราต้องรู้จักตัวเองว่าเราคือใคร เรามีหน้าที่อะไร เรามีรายได้เท่าไร มีความขยันหมั่นเพียรแค่ไหน เราชอบรับประทานอาหารอย่างไร เรามีไลฟ์สไตล์อย่างไร ฯลฯ แล้วทำสิ่งต่าง ๆ ให้มีความพอดี สิ่งนี้คือนัยยะที่สำคัญของความพอประมาณ ต่อมาห่วงที่สอง คือ “ความมีเหตุผล” ซึ่งหลักนี้จะช่วยเสริมความพอประมาณว่าเราทำให้พอดีแล้ว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นดีพอหรือยัง ก็ให้กำหนดเป้าหมายซึ่งจะเป็นการทบทวนหลักความพอประมาณ ด้วยเหตุและผลนำไปสู่การกระทำของเรา เช่น เรามีภาระค่าใช้จ่ายต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ต้องเลี้ยงดูครอบครัว รายได้ต่อเดือน 15,000 บาทเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอก็ต้องขยันทำมาหากินรู้จักหาอาชีพเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาจุนเจือ รายจ่ายของครัวเรือน เป็นต้น และห่วงสุดท้าย คือ “การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี” หลักนี้เป็นหลักที่สำคัญ เพราะจะทำให้เราทุกคนสามารถอยู่ได้และปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดมากขึ้น เช่น โรคโควิด-19 ที่ผ่านมาคนที่มีภูมิคุ้มกันก็ย่อมสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากโรคนี้ได้ แล้วถามว่าวัคซีนที่เราฉีดกันมีอยู่แล้วหรือสร้างขึ้นมาใหม่ เราทุกคนรู้ดีว่าเป็นวัคซีนที่ถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเกิดจากการศึกษาวิจัยของทีมนักวิจัย ฉันใดฉันนั้น เราต้องรู้จักบริบทสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเราและรู้จักปรับตัวเพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลง
“2 เงื่อนไขที่สำคัญซึ่งจะทำให้เราสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข และช่วยยกระดับสังคมที่เราอยู่ได้ คือ เงื่อนไข “ความรู้” และเงื่อนไข “คุณธรรม” การที่เราจะประสบความสำเร็จต่าง ๆ ได้นั้นจะต้องเกิดจากความเพียรพยายาม และความตั้งใจที่แน่วแน่ และต้องมีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริง ซึ่งการที่เรามีความรู้จะเกิดจากประสบการณ์ตรง หรือการเรียนการสอน หรือ อื่น ๆ จะทำให้เรามีความมั่นใจทุก ๆ เรื่อง ซึ่งภายใต้เงื่อนไขคุณธรรมนี้เองจะเป็นตัวควบคุมเราให้รู้จักความรัก ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ การไม่เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับคุณภาพจิตใจ การที่เรามีความรักและมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพดินก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจากเงื่อนไขคุณธรรม เพราะเรารู้จักการแบ่งปันและมีเจตนาที่ดีที่อยากจะส่งต่อทรัพยากรดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา เพราะฉะนั้นแล้วกิจกรรมที่จัดขึ้นทั้งหมด ล้วนแต่จะร้อยเรียงทุกเรื่องราวเข้าด้วยกันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างความมั่นคงแข็งแรงของชุมชนฐานราก ซึ่งจะทำให้ประเทศสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนจากรากฐานสังคมที่แข็งแรง” ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา กล่าวเน้นย้ำ
นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า กิจกรรมการรณรงค์วันดินโลกในวันนี้ จะไม่จบอยู่เพียงแค่วันนี้วันเดียวหรือวันสุดท้าย ในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มุ่งหวังจะ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชนทุกคน พร้อมเป็นกำลังสำคัญของกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในทุกมิติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งกิจกรรมในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนงาน เฉกเช่นการประกาศเจตนารมณ์ของเด็กนักเรียน และผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนในวันนี้ ที่มีความตั้งใจที่จะอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ สอดคล้องกับหลักคิดที่ว่า “คืนดินดีให้ผืนแผ่นดินไทย สร้างสรรค์ความสมดุลธรรมชาติ และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้เป็นแผ่นดินทอง” ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
#WorldSoilDay #วันดินโลก #soilswherefoodbegins #Soils4Nurition #FAO #MOI #กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #SDGsforAll #ChangeforGood
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 638/2565 วันที่ 16 ธ.ค. 65
