เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 66 นายสำรวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษได้มีการจัดประชุมขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ในประเด็นวาระผ้าทอมือ “ธานีผ้าศรี…แส่ว” ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมศรีพฤทเธศวร ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของคนเมืองศรี ภายใต้วาระการพัฒนาจังหวัด 1+10 Agenda Sisaket โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำภาคเอกชน ผู้แทนภาควิชาการ และภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายสำรวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษ มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ประเด็นวาระผ้าทอมือ “ธานีผ้าศรี…แส่ว” ให้สอดคล้องตามเป้าหมายวาระการพัฒนาจังหวัด 1+10 Agenda Sisaket เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาชุมชนได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเพื่อบรรลุตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย ส่งเสริมและกระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส ซึ่งในการประชุมได้นำเสนอประเด็นวาระผ้าทอมือ จังหวัดศรีสะเกษใน 6 ประเด็น ได้แก่ 1) ผลสรุปการขับเคลื่อนวาระผ้าทอมือ “ธานีผ้าศรี…แส่ว” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2) รายงานผลยอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย (ในห้วงเดือนตุลาคม 2565 – มกราคม 2566) 3) แผนการขับเคลื่อนวาระผ้าทอมือ “ธานีผ้าศรี…แส่ว” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 4) การนำเสนอแผน/ผลการขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ประเด็นวาระผ้าทอมือ “ธานีผ้าศรี…แส่ว” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยส่วนราชการและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ, วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ, ท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ, ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ศรีสะเกษ, สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 38 ศรีสะเกษ, ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดศรีสะเกษ, ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ, ประธานเครือข่าย OTOP ศรีสะเกษ/ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดศรีสะเกษ เป็นต้น 5) การเตรียมความพร้อมลงพื้นที่และติดตามการขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ประเด็นวาระผ้าทอมือ“ธานีผ้าศรี…แส่ว” ครั้งที่ 1/2566 ในวันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. ณ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านนวลละออ อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ และ 6) ตัวชี้วัดและแนวทางการขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ประเด็นวาระผ้าทอมือ “ธานีผ้าศรี…แส่ว” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
นายสำรวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับเคลื่อนวาระผ้าทอมือ “ศรีสะเกษ ธานีผ้าศรี…แส่ว” มุ่งพัฒนาผ้าพื้นเมือง เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ ครบวงจร เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ชุมชนพึ่งตนเองได้ โดยได้น้อมนำแนวพระราชดำริ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” และพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในด้านการสร้างความยั่งยืนด้วยการใช้สีธรรมชาติในการย้อมผ้า และการเสริมสร้างทักษะด้านแฟชั่นดีไซน์มาขับเคลื่อนผ้าอัตลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษ จากเดิมมีการทอผ้าลายลูกแก้วย้อมจากผลมะเกลือได้ผ้าสีดำขลับ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาการย้อมดั้งเดิมของชาวอีสานใต้ มีข้อจำกัด คือ ไม่หลากหลายในการใช้สวมใส่ เนื่องจากเป็นสีดำ และเป็นผ้าหน้าแคบ ไม่สะดวกต่อการแปรรูปเป็นเสื้อผ้า การแส่ว ด้ายที่ใช้แส่ว เป็นสีที่ฉูดฉาด ลายที่ใช้แส่วเป็นลายไม่หลากหลาย จึงได้ร่วมกันสร้างอัตลักษณ์ใหม่ จากเดิมมีผ้าสีเดี่ยวคือผ้าสีมะเกลือ เพิ่มเป็นผ้า จำนวน 5 ศรี ประกอบด้วย 1) ผ้าศรีลาวา 2) ผ้าศรีกุลา 3) ผ้าศรีมะดัน 4) ผ้าศรีลำดวน และ 5) ผ้าศรีมะเกลือ และสร้างแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “ผ้าทอเบญจศรี” ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษเป็นเจ้าภาพหลักและเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้กำหนดให้มีการขับเคลื่อน วาระผ้าทอมือ ศรีสะเกษ ธานีผ้าศรี…แส่ว โดยมีคณะทำงานฯ ร่วมบูรณาการ ส่งเสริมและพัฒนา ให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายในจังหวัดศรีสะเกษ มีองค์ความรู้ มีมาตรฐานในการผลิต และเพิ่มมูลค่าของผ้าทอเบญจศรี รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ การพัฒนาผ้าทอเบญจศรี ของจังหวัดศรีสะเกษที่ได้มาตรฐาน ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้นไป อันจะทำให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP สามารถจำหน่ายและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
“ทั้งนี้ จังหวัดศรีสะเกษ ได้น้อมนำพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานและพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ของ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” สมเด็จย่าของพระองค์ ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน ส่งเสริมและกระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยที่เป็นมรดกของชาติ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ ช่างทอผ้า และเยาวชนคนรุ่นใหม่ ร่วมกันสร้างสรรค์ ผ้าผืนงามที่ สะท้อนวิถีชีวิตอันงดงามไปด้วยภูมิปัญญาที่ถูกฟื้นคืน ผ้าทุกผืนได้ถูกถักทอขึ้นจากเส้นใยและพืชพรรณภายในชุมชน โดยไม่ใช้สารเคมีซึ่งเป็นการร่วมส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่คนในชุมชนเป็นการตอกย้ำการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้คนในชาติเกิดความรัก และภาคภูมิใจในงานหัตถศิลป์ของไทย เป็นการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อลดรายจ่าย และมีเงินทุนหมุนเวียนในครัวเรือน สร้างความมีเกียรติและความภาคภูมิใจในตนเอง โดยเฉพาะการถักทอผืนผ้าด้วยมือนั้น ถือเป็นงานหัตถศิลป์ที่ได้รับการยกย่อง แสดงให้เห็นถึงความมีอารยะและภูมิปัญญาพื้นถิ่นในแต่ละภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” จึงมีพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพให้แก่ช่างทอผ้าและผู้ประกอบการกลุ่มผ้าไทยให้เป็นอาชีพที่มีความยั่งยืน ในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พัฒนาผ้าทอเบญจศรี สู่สากล“ นายสำรวย เกษกุล กล่าวทิ้งท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 112/2566 วันที่ 7 ก.พ. 66
