เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 66 นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทยที่ยั่งยืนของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) จังหวัดพัทลุงได้ร่วมกับเทศบาลตำบลทะเลน้อย จัดงาน “วันคนสานกระจูดโลก” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ช่างสานกระจูดจากพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดพัทลุงได้มาทำการสาธิตการสานกระจูดในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมยกระดับการพัฒนาสินค้าที่มีอัตลักษณ์อันโดดเด่นที่เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในพื้นที่ทะเลน้อย โดยได้รับความสนใจจากช่างสานกระจูดทุกเพศ ทุกวัยต่างเดินทางมาร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน และภายในงานยังมีกิจกรรมการแสดงมโนราห์ ซึ่งเป็นการแสดงพื้นบ้านที่มีความเป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของจังหวัดพัทลุง และการแสดงดนตรีพื้นบ้านอีกด้วย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงได้นำหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และภาคีเครือข่าย พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมชื่นชมผลงานและให้กำลังใจช่างสานกระจูด ซึ่งงานได้จัดขึ้น ณ ตลาดน้ำทะเลน้อย ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า “กระจูด” เป็นวัชพืชชนิดหนึ่งที่มีในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดภาคใต้เป็นจำนวนมาก มักเจริญเติบโตในบริเวณบึงที่มีน้ำขังตลอดปี หรือตามแนวชายฝั่ง มีลักษณะ เหนียว นุ่ม และคงทน อีกทั้งยังสามารถย้อมสีได้ ซึ่งทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืดมีเนื้อที่ผืนน้ำ ประมาณ 17,500 ไร่ เป็นแหล่งเจริญเติบโตของต้นกระจูด ชาวบ้านจึงได้นำต้นกระจูดมาใช้ในการจักสานเป็นเครื่องใช้ชนิดต่าง ๆ โดยในยุคแรก ๆ มักจะนำมาสานเป็นเสื่อเอาไว้ใช้ในครัวเรือน จึงเกิดเป็นภูมิปัญญาการจักสานกระจูดที่ชาวทะเลน้อยได้รับการสืบทอดภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ โดยในบางพื้นที่ชาวปักษ์ใต้บางท่านอาจเรียกว่า “สานจูด” โดยในการนำกระจูดมาจักสานนั้น ชาวบ้านจะนำต้นกระจูดไปตากแห้งก่อนนำมาทำเครื่องจักสาน
ด้าน คุณยายอ้วน หมื่นหนู หนึ่งในช่างสานกระจูด ได้เล่าว่า การจักสานกระจูดเป็นภูมิปัญญาของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่ได้รับการสืบทอดมายาวนานมากกว่า 80 ปี โดยกระจูดที่นี่ได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์โดยหน่วยงานต่าง ๆ อย่างหลากหลาย และผลิตเป็นชิ้นงานหลายรูปแบบ อาทิ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋า ตะกร้า หมวก เบาะรองนั่ง หรือเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยสำหรับเป็นของที่ระลึก หรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จนกลายเป็นของฝากยอดฮิตชนิดหนึ่งของจังหวัดพัทลุงซึ่งนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยในพื้นที่ภาคใต้เอง หรือต่างภาค รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้มาเห็นผลงานจักสานกระจูด ก็จะต้องได้เลือกซื้อเลือกหาสักคนละชิ้นสองชิ้น เพื่อนำไปเป็นของขวัญมอบให้กับญาติผู้ใหญ่ หรือมอบให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง ลูกหลาย
“ตนและพี่น้องกลุ่มช่างสานกระจูดในพื้นที่พัทลุงได้ร่วมกันสร้างเครือข่าย เสริมพลัง แลกเปลี่ยนความรู้ และแนะนำแบ่งปันวิธีการตั้งแต่การเก็บต้นกระจูด การตากแห้ง การจักสาน การย้อมสีหรือพ่นสี ที่มีกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะการทำกระจูดนั้น ต้องทำด้วยมือสองมือ เป็นงานฝีมือจริง ๆ แล้วแต่ละคน แต่ละบ้าน แต่ละกลุ่ม ก็จะมีการคิดค้นประดิดประดอยผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป นอกเหนือจากของใช้ดั้งเดิมพวกตะกร้า ฝาชี เบาะนั่ง เพราะทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ก็เริ่มเข้ามาให้ความสนใจในการทำให้กระจูดได้มีความสวยงาม ความแปลกใหม่ขึ้น จึงนับเป็นความภาคภูมิใจของชาวทะเลน้อย และชาวพัทลุงที่พวกเราได้รวมกันใช้ของที่บรรพบุรุษได้ให้ไว้มาเป็นอาชีพ มีเงิน มีทอง มีรายได้ ทำให้เราได้แสดงฝีมือ ได้โชว์อัตลักษณ์ (โชว์ของ) ของแต่ละคนอีกด้วย” คุณยายอ้วน บอกเล่าด้วยความตื้นตันใจ
นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระจูดยังช่วยสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวิถีวัฒนธรรมของจังหวัดพัทลุง และเป็นสื่อในการเผยแพร่เรื่องราวของวิถีชีวิตคนสานกระจูดให้ไปสู่สายตาของคนไทยทั่วประเทศและคนทั่วโลกอย่างกว้างขวาง เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่มุ่งเน้นให้คนได้พึ่งพาตนเอง และพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในเรื่อง “หมู่บ้านยั่งยืน” ที่ทรงมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ประชาชนได้พึงพาตนเอง ได้ประกอบอาชีพโดยนำภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาผนวกกับความยั่งยืนในด้านการไม่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจังหวัดพัทลุงได้น้อมนำมาขับเคลื่อนขยายผลตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รับพระราชทานพระอนุญาตนำพระดำริดังกล่าวมาดำเนินงาน โดยมุ่งส่งเสริมให้คนในชุมชนได้นำวัสดุหรือวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในพื้นที่ของตัวเองมาแปรรูปหรือพัฒนาเป็นสินค้าเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน ทั้งนี้ “ต้นกระจูด” หาได้ในแถบนี้ จึงเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติที่ขึ้นเป็นจำนวนมากมาแปรรูปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน นั่นเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของผลิตภัณฑ์จากกระจูด นั่นคือ มีวิธีการเก็บ หรือดูแลรักษาผลิตภัณฑ์กระจูดที่แสนง่ายดาย เพียงใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำแล้ว บิดให้หมาด เช็ดทำความสะอาดให้ทั่วจากนั้นนำไปผึ่งลมให้แห้ง และใช้น้ำมันมะกอกเช็ดให้เป็นเงาก็จะช่วยทำให้ดูใหม่อยู่ตลอดเวลา และเก็บรักษาไว้ในที่อุณหภูมิปกติ ไม่เก็บไว้ในที่ชื้น จึงทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและคนทั่วไป
“ปัจจุบันสินค้ากระจูดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี จากการทำอาชีพเสริม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงหันมายึดการจักสานกระจูดเป็นอาชีพหลักแทนการหารายได้จากการประมง หรือการทำการเกษตร ทั้งนี้ จังหวัดพัทลุงได้มีความตั้งใจที่จะสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการทำงานอย่างเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อนำไปสู่การสร้างความมั่นคงในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิตสู่การเป็น “หมู่บ้านยั่งยืน : Sustainable Village” ตามพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในทุกหมู่บ้าน/ชุมชนของจังหวัดพัทลุง เพื่อขยายผลการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์กระจูดให้เกิดมรรคผลตามเป้าหมาย SDGs ไปสู่สายตาประชาคมโลกต่อไป” ผวจ.พัทลุง กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 291/2566 วันที่ 26 มี.ค. 2566
