เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 66 เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ กรมที่ดิน นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมลงพื้นที่ โดยนายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ 23 อำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) เพื่อสร้างต้นแบบและนวัตกรรมใหม่ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของประเทศรองรับการใช้งานบริการภาครัฐ ขอให้ทุกคนช่วยกันสร้างการรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชนให้ได้รับทราบว่า “จะมีบัตรประชาชนในมือถืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย” เพราะแอปพลิเคชันนี้เป็นการพัฒนาบริการภาครัฐและธุรกรรมออนไลน์ที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล สามารถอำนวยความสะดวกและสนองตอบความต้องการของประชาชนในการติดต่อกับราชการและรับบริการทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ให้เหมาะสมกับยุคสมัยในปัจจุบัน ซึ่งในระยะต่อไป ได้มีการวางเเผนการออกแบบและพัฒนาในลักษณะที่เพิ่มอรรถประโยชน์ และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่รวมงานบริการต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันในลักษณะแอปพลิเคชันกระเป๋าเอกสารดิจิทัล (E-Document Wallet)
“กระทรวงมหาดไทยมีมิติภารกิจที่หลากหลายซึ่งเป็นการบูรณาการในเชิงพื้นที่ ภารกิจหลักส่วนใหญ่จึงเป็นภารกิจที่จะต้องอาศัยการประสานงานเเละการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย สิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนัก คือ พวกเราคนมหาดไทยได้รับการกำหนดบทบาททางกฎหมายให้เป็นตำเเหน่งผู้นำ ไม่ว่าจะทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และเป็นผู้นำที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับนับถือว่าเป็นผู้นำ เราจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อส่วนรวม และใช้กลไกการทำงานเป็นทีมเข้ามาเป็นหลัก พร้อมทั้งหมั่นทบทวนและปรับปรุงพัฒนาการทำหน้าที่ข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ดียิ่งขึ้นไป เพื่อทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างดี มีคุณภาพ ด้วยกลไกการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อันจะก่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อพี่น้องประชาชนและส่วนรวม เพื่อทำให้กระทรวงมหาดไทยยังคงเป็นที่เชื่อมั่น ศรัทธา ของพี่น้องประชาชน ซึ่งในอนาคตของประเทศจะต้องมีกลไกคนมหาดไทยที่ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชน เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุข นอกจากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานให้การสนับสนุนกิจกรรมโครงการ “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ ภายใต้แนวคิด “คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยไร้สโตรค” (No STROKE for all Thais by NEW GEN)” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้คนทุกวัยมีสุขภาพและมีพลานามัยที่ดี สร้างความเเข็งเเรงทางด้านกายภาพ เพื่อจะเป็นกำลังต่อยอดในการช่วยผลักดันประเทศของเราให้เป็นประเทศที่มีความเข้มเเข็งในทุกมิติ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่เราในฐานะคนมหาดไทยทุกคน พึงตระหนัก เพื่อมุ่งหวังเป็นที่พึ่งกับพี่น้องประชาชน ประกอบด้วยการ 1) การตระหนักหนักถึง Passion ในตนเอง คือ ปลุกไฟแห่งการเป็นคนมหาดไทยให้มันลุกโชน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าสำนักงานจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และพี่น้องข้าราชการทุกตำเเหน่ง จะต้องช่วยกันปลุกไฟในตนเอง โดยเฉพาะปลัดอำเภอ จะต้องรู้จักหน้าที่เเละความรับผิดชอบ ต้องมีวิสัยทัศน์ในการเข้าถึง เข้าใจ เเละพัฒนา ทำตัวให้สมกับคำว่า “รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด” เป็นโซ่ข้อกลางระหว่างประชาชนกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่นในหมู่บ้าน ด้วยการทำให้คนเจอกัน พูดคุยกัน เพื่อให้เกิดความสนิทสนม ความรักใคร่ สร้างปลัดอำเภอที่เท้าติดดิน ให้การนับถือพี่น้องประชาชนเหมือนญาติมิตร 2) ต้องรู้จักการสร้างทีม ทั้งการนำหลัก “บวร บรม ครบ” การทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน คือ เรื่องเดียวกัน แต่ทุกภาคส่วนมันไม่ได้หมายความรวมทุกคน แต่ “ต้องมีผู้นำ” เพื่อขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล 3) ต้องบูรณาการงานของภาคีเครือข่าย ทั้งด้านการป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัย ด้านการสาธารณสุข ด้านเกษตร หรือด้านการศึกษา ที่ทุกส่วนต่างหวังพึ่ง “ฝ่ายปกครอง” และ 4) เป้าหมายการทำงานอยู่ที่ “คน” สิ่งสำคัญ คือ จะต้องยึดเป้าหมายเป็นหลักเเล้วบูรณาการงาน แต่เป้าหมายของงานที่เเท้จริง อยู่ที่ “คน” กล่าวคือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน ที่กล่าวมานี้ “ผู้นำ” จึงมีหน้าที่ในการ ดูแล ช่วยเหลือ และสร้างสภาพเเวดล้อมที่ดีเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
“กระทรวงมหาดไทยมีภารกิจที่หลากหลายมิติเเละมีความซับซ้อน เราจึงมีความจำเป็นจะต้องสังเคราะห์และวิเคราะห์ให้เข้าใจอย่างถ่องเเท้ว่า แต่ละนโยบายมีวัตถุประสงค์อย่างไร เช่น การปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ทั้งโครงการ “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” ปลายทาง คือ การทำให้คนในสังคมมีสุขภาพที่ดีที่เกิดจากอาหารที่กิน ซึ่งจะทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น พร้อมทั้งทำให้คนในครอบครัวมีความรักความสามัคคีต่อกันเพราะได้ใช้เวลาในการทำกิจกรรมสร้างความมั่นคงทางอาหารไปด้วยกัน นอกจากนี้ ปรัชญาที่สำคัญนอกเหนือจากการทำให้คนมีความมั่นคงทางอาหาร มีไก่ไข่ ปลาดุก ปลาช่อน กบ กิน เพราะมีแหล่งอาหารโดยรอบบ้านแล้ว จะต้องช่วยกันส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืน โดยน้อมนำหลักทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความยั่งยืนมาใช้ และขยายผลเรื่องราวดี ๆ ต่อยอดไปยังพื้นที่อื่น ๆ ต่อ ๆ ไป สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การถ่ายทอดประสบการณ์ ผู้นำจะต้องถ่ายทอดแนวทางการปฏิบัติราชการเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ด้วยการบ่มเพาะทักษะประสบการณ์ วัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมองค์กรของการเป็น “ฝ่ายปกครอง” รู้จักการ “ครองตน ครองคน และครองงาน” มีระเบียบวินัย ยึดระเบียบแบบแผน รักษาจรรยาบรรณ รักษาคุณธรรมนักปกครอง เป็นข้าราชการฝ่ายปกครองที่สามารถเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี เป็นข้าราชการที่ดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อุทิศทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ จนเป็นที่ยอมรับนับถือและเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ตลอดจนภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทำให้คนมหาดไทย Smart และเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนตลอดไป และเรื่องของเวลาไม่ใช่สาระ เพราะสาระที่สำคัญ คือ เวลาที่มีอยู่ทุกนาที ทุกชั่วโมง เราทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มากเท่าใด” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำ
“การเป็นข้าราชการที่ดีเริ่มได้ทุกวัน ตัวอย่างเช่น ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านทำให้ 1 ปี เป็นต้นแบบ ผู้ว่าฯ ที่ดีท่านหนึ่ง ขอให้เราได้ตระหนักว่า คนอายุ 59 ปี มีคุณค่า มีไฟ และสำเร็จในการทำงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน เป็นที่ยอมรับ และคนอื่น ๆ ที่ยังเหลืออายุราชการอีกมาก เราจะน้อยหน้าท่านได้อย่างไร เพราะเราก็เป็นคนที่ต้องการ Change for Good ทำให้เกิดสิ่ง ๆ ดีในสังคม เเละเป็นที่บ่มเพาะให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มเป็นคนดีของสังคม ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัยเป็นร่มโพธิ์ทองให้กับชาติ อันจะนำไปสู่ความรักความสามัคคีของคนในชาติ เกิดเป็นความภูมิใจ เเละมีเจตจำนงที่เเน่วเเน่ในการหวงเเหน เเละรักษาผืนแผ่นดินไทยให้เป็นพื้นที่เเห่งความสุขที่ยั่งยืนตลอดไป” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 674/2566 วันที่ 11 ก.ค. 2566
