เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 66 นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า จังหวัดสิงห์บุรี ได้น้อมนำพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาเป็นหลักชัยการมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครอง โดยได้เน้นย้ำให้ “นายอำเภอ” ทุกอำเภอ เป็นผู้นำการบูรณาการทีมงานของอำเภอ (D-Cast) ทั้งทีมที่เป็นทางการ คือ ปลัดอำเภอผู้ประสานงานตำบลเป็นหัวหน้าทีม มีข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน เป็นทีมงาน และ ทีมจิตอาสา อันประกอบด้วย ภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาค คือ ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน มุ่งมั่นพุ่งเป้าขับเคลื่อนดำเนินโครงการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชนทุกคน
“ทีมจังหวัดสิงห์บุรี” ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม “ผู้ว่าฯ ชวนคิด ชวนทำ ผู้นำต้องทำก่อน” (เอามื้อสามัคคี) ตามโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และการขับเคลื่อนหนึ่งตำบลหนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน ณ ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร อำเภอบางระจัน ศูนย์เครือข่าย ศพก. อำเภอบางระจัน (ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง/เกษตรทฤษฎีใหม่/เกษตรผสมผสาน) หมู่ที่ 2 ตำบลโพชนไก่ อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด/อำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการเหล่ากาชาดและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม พร้อมทั้ง “หิ้วปิ่นโต” นำอาหารมารับประทานร่วมกันอีกด้วย” นายสุพจน์ ฯ กล่าว
นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวต่ออีกว่า จังหวัดสิงห์บุรี ได้ร่วมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงาน ต่าง ๆ ซึ่งทุกหน่วยงานต่างร่วมให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันขับเคลื่อนตาม UN SDGs 17 เป้าหมาย ร่วมกับพี่น้องประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม “โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนได้พัฒนาตนเอง เริ่มจากครัวเรือน ด้วยการน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” อันจะช่วยให้สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือน และยังมีพืชผักสวนครัวที่ปลอดสารพิษไว้บริโภคตลอดทั้งปี และที่สำคัญสามารถนำมาแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน ส่งผลให้ทั้งตำบล ทั้งอำเภอ และทั้งจังหวัด มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้รักสามัคคี และมีจิตสำนึกคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ด้วยการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง (ครัวเรือน) มีการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้จังหวัดสิงห์บุรี ได้ขับเคลื่อนโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ด้วยการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “สืบสาน รักษา และต่อยอด” และเน้นย้ำให้ทุกอำเภอได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาทำให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี บนหลักการพึ่งพาตนเอง พร้อมสนับสนุนกิจกรรมการรณรงค์ส่งเสริมให้เด็กเยาวชนและคนในพื้นที่ มีการดำรงชีวิตที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ประชาชนทุกคนมีกินมีใช้ เกิดความรักความสามัคคี เกิดความเข้มแข็งของคนในชุมชน ประชาชนทุกคนมีความสุข นำไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) อย่างมีความสุข สนุกสนาน สร้างความรักสามัคคีให้กับชุมชน และจะขยายผลความสำเร็จนี้เป็นแนวทางขับเคลื่อนไปยังทุกอำเภอ เพื่อให้เกิดพลังความเข้มแข็ง เป็นเหมือนแขนงไม้ไผ่ที่จะทำให้ความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างความสุขให้กับประชาชนคนสิงห์บุรีประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 692/2566 วันที่ 16 ก.ค. 2566