เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำถึงการขับเคลื่อนงานในทุกมิติเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับส่วนราชการระดับกรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานในการดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่มีหน้าที่ในด้านการจัดทำแผนแม่บท วางมาตรการ ส่งเสริมสนับสนุน การป้องกัน บรรเทาและฟื้นฟูจากสาธารณภัย โดยกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย สร้างระบบป้องกัน เตือนภัย ฟื้นฟูหลังเกิดภัย และการติดตามประเมินผล เพื่อให้หลักประกันในด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
“จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำข้อสั่งการของปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ได้เน้นย้ำถึงมาตรการด้าน “การป้องกันก่อนเกิดภัย” เพื่อที่จะได้มีแผนการในการป้องกันภัยที่สามารถบรรเทาสถานการณ์หากเกิดภัยพิบัติด้านต่าง ๆ ซึ่งพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามักจะต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมเป็นประจำทุกปี จึงเป็นที่มาของการขับเคลื่อนโครงการ “ลดความเสี่ยงเดิม ป้องกันความเสี่ยงใหม่ สู่สังคมเท่าทันภัย ด้วยแผน ปภ.จังหวัด” โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และภาคีเครือข่ายหน่วยกู้ภัย ทั้ง 16 อำเภอร่วมโครงการฯ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และขับเคลื่อนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570 ไปสู่การปฏิบัติ และที่สำคัญที่สุด คือ การมีแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น ที่ให้ความสำคัญกับมาตรการเชิงป้องกัน ด้วยการน้อมนำแนวทางหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งการร่วมคิด ร่วมพูดคุย ร่วมปรึกษาหารือ ร่วมทำ ร่วมแก้ไขปัญหา เพื่อร่วมกันรับประโยชน์ โดยนายอำเภอ ตัวแทนนายอำเภอ และตัวแทนหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ที่มาร่วมประชุมในวันนี้ จะได้ “สร้างทีม” ด้วยการระดมทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการ ตลอดจนทีมตำบล ทีมหมู่บ้าน มาร่วมกันสะท้อนเพื่อนำไปสู่แผนฯ ในระดับต่าง ๆ อันเป็นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการ “แก้ไขในสิ่งผิด” ด้วยการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ป้องกันก่อนเกิดภัย ให้เป็นรูปธรรม” นายนิวัฒน์ฯ กล่าวเน้นย้ำ
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวต่ออีกว่า ในสถานการณ์ในปัจจุบัน โลกได้ประสบกับปัญหาภัยพิบัติหลายด้าน เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ เกิดภัยทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้น การดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงต้องมีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน โดยมีความเข้มแข็งของระดับพื้นที่ และมีความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ซึ่งต้องดำเนินการขับเคลื่อนตามแผนและยุทธศาสตร์ อันเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้เป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานของทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ มีเอกภาพและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญกลไกการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ มีความสำคัญในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยแบบองค์รวมตั้งแต่การป้องกันและลดผลกระทบ การเตรียมความพร้อม การเผชิญเหตุและการบรรเทาทุกข์ ตลอดจนการฟื้นฟู รวมทั้งการดูแลประชาชนในพื้นที่ให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ความเสี่ยงต่าง ๆ
“การขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570 ด้วยการจัดทำ “แผนป้องกันฯ ในระดับต่าง ๆ ที่สามารถทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน และยั่งยืน” ถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องปฏิบัติการให้เกิดผลอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง เป็นที่รับรู้รับทราบ เพื่อหากถึงเวลาที่เกิดสถานการณ์ขึ้น เราสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายทวีความรุนแรงขึ้น และพี่น้องประชาชนสามารถใช่ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สามารถบูรณาการสรรพกำลังในการขับเคลื่อนปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนที่เกิดจากความร่วมมือของทุกคนทุกฝ่าย จะทำให้เกิดการทำงานอย่างเป็นระบบและสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย อันจะยังประโยชน์ คือ เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทุกคน” นายนิวัฒน์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 967/2566 วันที่ 18 ก.ค. 2566
