วันนี้ (25 ก.ค.66) นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า จังหวัดน่านมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความตระหนักรู้ ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยในห้วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนแห่งมหามงคลของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า จังหวัดน่านกำหนดดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ ที่บ้านเด่นพัฒนา หมู่ที่ 12 ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ตนได้เป็นประธานเปิดกิจกรรม “การรณรงค์การทำปุ๋ยหมัก ปลูกหญ้าแฝก และปลูกต้นไม้ เพื่อปรับปรุงบำรุงดินและป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 และเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี การประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทยร่วมกับองค์การสหประชาชาติ (UN) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอเชียงกลาง และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรม
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นวันดินโลก (World Soil Day) เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณให้เป็นที่ประจักษ์ถึงวิสัยทัศน์และพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน ด้วยซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิธีการแก้ไข พัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลกว่า ผลสำเร็จของการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักรู้ในทรัพยากรดิน ภายใต้หัวข้อ “อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน (Soils, where food begins.)” ซึ่งเน้นความสำคัญของการสร้างสุขภาพดินที่ดี ซึ่งส่งผลถึงความมั่นคงและปลอดภัยทางอาหารและสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 4 ด้าน หรือ Four better ประกอบด้วย Better Production (การผลิตที่ดี) Better Nutrition (โภชนาการที่ดี) Better Environment (สิ่งแวดล้อมที่ดี) Better Life (ชีวิตที่ดี) โดยจังหวัดน่านได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์ เนื่องในโอกาสวันดินโลก ประจำปี พ.ศ. 2565 ในการมุ่งมั่นจะสืบสานศาสตร์พระราชา เพื่อพัฒนาดินอย่างยั่งยืน และรักษาความอุดมสมบูรณ์แห่งดิน เพื่อเป็นแหล่งสร้างอาหารที่มีคุณภาพ พร้อมกับการต่อยอด ขยายผล ขับเคลื่อนเครือข่ายพลังแผ่นดิน สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2566 กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้เป็นเดือนแห่งการสร้างความตระหนักรู้ในทรัพยากรดิน ภายใต้แนวคิด Great food from good soils for better life awareness ซึ่งถือเป็นวาระการครบรอบ 1 ปีของการการประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืน ที่คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และทุกจังหวัดได้ ร่วมกับองค์การสหประชาติ (UN) นำโดยคุณกีต้า ซับบระวาล ผู้ประสานงานสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UN) ร่วมเป็นสักขีพยาน ทุกพื้นที่ได้มีการขับเคลื่อนกิจกรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ อาทิ การสร้างความมั่นคงทางอาหาร ผ่านโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การรณรงค์เชิญชวนคนไทยสวมใส่ผ้าไทย ในทุกโอกาส ซึ่งเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการผ้าไทยในท้องถิ่นที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และการส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ที่มุ่งลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 – 2070 ตามแนวนโยบายแผนพลังงานชาติ (Policy Direction) การขับเคลื่อนแนวทางขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ข้อมูลจากระบบ ThaiQM และ TPMAP และโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เป็นโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษา เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนในทุกมิติ
กิจกรรมรณรงค์การทำปุ๋ยหมัก ปลูกหญ้าแฝกและปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงบำรุงดินและป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดินให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน เพราะดิน คือ แหล่งกำเนิดอาหารที่สำคัญ และเป็นต้นทางของการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยการทำปุ๋ยหมักนี้ มีนัยยะสำคัญ คือ การลดการใช้สารเคมี และเป็นการเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุด้วยธรรมชาติ ทำให้ดินมีแร่ธาตุและสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์สามารถไปหล่อเลี้ยงพืชผักของเราให้สมบูรณ์และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์
นอกจากนี้ การรักษาดินที่สำคัญอีกวิธี คือ การปลูกหญ้าแฝก โดยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2546 ณ ศาลาเริง วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “…ให้ใช้หญ้าแฝกในการพัฒนา ปรับปรุงบำรุงดิน ฟื้นฟูดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ และแก้ปัญหาดินเสื่อมโทรม ดำเนินการขยายพันธุ์ ทำให้มีกล้าหญ้าแฝกเพียงพอด้วย ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมหน้าที่ของหญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำ และเพื่อการรักษาดิน…” ดังนั้น เมื่อผลลัพธ์ของการรักษาหน้าดินได้เกิดขึ้นจากกิจกรรมในวันนี้แล้ว พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานย่อมจะได้เห็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ ที่สามารถนำไปบอกต่อ ๆ กันได้ว่า การปลูกหญ้าแฝกนี้เป็นการแก้ไขปัญหาดินเสื่อมโทรมจากจุดเล็ก ๆ ที่สามารถแก้ไขปัญหาในภาพรวม สร้าง Impact ได้อย่างมหาศาล สามารถคืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินได้เป็นอย่างดี นำไปสู่การมีผลผลิตที่ดีมีคุณภาพแก่เกษตรกร นำไปเลี้ยงคนทั้งโลก และผลผลิตทางการเกษตร เป็นรายได้หลักหนึ่งของประเทศ ไปสู่การบรรลุเป้าหมายของกระทรวงมหาดไทย “คืนดินดีให้ผืนแผ่นดินไทย สร้างสรรค์ความสมดุลธรรมชาติ และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้เป็นแผ่นดินทอง”
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #MOI #Changeforgood #SDGTH #WorldSoilDay #วันดินโลก #soilswherefoodbegins #Soils4Nutrition #FAO #GlobalSoilPartnership #MOI #กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #SDGsforAll #SDGlocalization #SEPforSDGs
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 719/2566 วันที่ 25 ก.ค. 2566
