เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 66 นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า จังหวัดพิษณุโลกได้ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน การน้อมนำแนวพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Viilage)” ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยมี “ทีมงาน” ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อให้เกิดพลังแห่งความร่วมมือในการสร้างสรรค์พัฒนาวิธีการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ยังผลให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืน ทั้งนี้ จังหวัดพิษณุโลก มีภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ขวัญทอง สอนศิริ ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้เป็นผู้สนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในด้านองค์ความรู้และคุณค่าทางประวัติศาสตร์สู่การต่อยอดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งล่าสุด ตน พร้อมด้วย อ.ขวัญทอง และคณะทีมจังหวัด ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงผักชุมชนและครัวเรือนตัวอย่างของนายทวนทอง หลิมเจริญ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ หมู่ที่ 3 บ้านตาปะขาวหาย ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก โดยมี นายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอเมืองพิษณุโลก นายสุริยา เสนานุช หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นางอมรพรรณ ขันตีแก้ว ปลัดอำเภอผู้ประสานงานประจำตำบลหัวรอ นายวัฒนา สุราษฎร์มณี นายวินัย แจ่มสว่าง ปลัดอำเภอ นางจริยา สมวันดี พัฒนาการอำเภอ และนางปิ่นเพชร พูลสวัสดิ์ กำนันตำบลหัวรอ ทีม D-CAST อำเภอเมืองพิษณุโลก ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมนำชมวิธีการขับเคลื่อนฯ โดยนางยุพิน พรมส้มซ่า ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลหัวรอ (หัวหน้าทีม V-CAST บ้านตาปะขาวหาย) พร้อมด้วย คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการฯ ระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล และระดับอำเภอ (ทีม V-CAST, T-CAST, D-CAST) ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ ตนยังได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักและสมุนไพรให้กับประชาชนผู้เข้าร่วมในครั้งนี้ เพื่อนำไปปลูกรับประทานและสามารถต่อยอดไปสู่การจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายรับอีกด้วย
พ่อเมืองสองแคว นำทีมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผักชุมชนและครัวเรือนตัวอย่าง ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ภายใต้โครงการ “เมืองพิษณุโลก พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่ความยั่งยืน” พร้อมขยายผล “ธนาคารเมล็ดพันธุ์ของแผ่นดิน” เพื่อหนุนเสริมการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเองสู่ประชาชนทุกครัวเรือน
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ด้วยพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดความยั่งยืน จึงได้พระราชทานหนังสือ Sustainable City ให้แก่ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน พร้อมทั้งพระราชทานพระดำรัสว่า “หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยคือการทำให้เกิดหมู่บ้านยั่งยืน” พร้อมทั้งพระราชทานพระอนุญาตให้กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ขับเคลื่อนขยายผลในทุกหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ ด้วยการเริ่มที่ครัวเรือน มีการแบ่งเป็นกลุ่มบ้าน ป๊อกบ้าน หย่อมบ้าน กลุ่มละ 10-20 ครัวเรือน ดูแลช่วยเหลือเกื้อกูล ปลูกผักสวนครัว พืชสมุนไพร ทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน คัดแยกขยะ มีการจัดกิจกรรมสร้างความรัก ความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จัดกิจกรรมสืบสานประเพณี วัฒนธรรม ถ่ายทอดสู่เด็ก เยาวชน ลูกหลาน โดยน้อมนำแนวทางการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานหลักการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยทรงสรุปจากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจผ่านโครงการพระราชดำริ 4,741 โครงการไว้ว่า จะต้อง 1) เปิดเวทีพบปะพูดคุยอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 1 ปี 2) ร่วมคิด ร่วมพูดคุย ร่วมเสนอแนะ 3) ร่วมลงมือทำ และ 4) ร่วมรับประโยชน์ ความสุขอย่างยั่งยืนจึงจะเกิดขึ้น
“จังหวัดพิษณุโลกจึงได้ขยายผลส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” มาขับเคลื่อนในทุกครัวเรือน ด้วยการลดการนำเข้าวัตถุดิบจากนอกพื้นที่ โดยขอยกตัวอย่างแปลงผักของนายทวนทอง หลิมเจริญ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหัวรอ ที่มีพืชผักเป็นจำนวนมาก อาทิ คะน้า มะระ แค ตะไคร้ มะเขือยาว มะนาว กล้วย เป็นต้น ซึ่งสามารถเก็บไปบริโภคในครัวเรือนได้ตลอดปี และเมื่อมีอาหารเพียงพอก็สามารถแบ่งปันในชุมชนได้ ซึ่งการแบ่งปันแบบยั่งยืน คือ การแบ่งพันธุ์ต้นกล้าเมล็ดพันธุ์ขยายผล “ธนาคารเมล็ดพันธุ์ของแผ่นดิน” ให้เกิดความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สร้างความรักความสามัคคีของคนในครัวเรือน รื้อฟื้นรูปแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนคนไทยกลับคืนมา พร้อมพัฒนาไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) สอดคล้องกับพระประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงปรารถนาให้พี่น้องประชาชนชาวไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นายภูสิตฯ กล่าว
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวต่ออีกว่า การลงพื้นที่ได้ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจากผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรเสริมสร้างสมรรถนะผู้นำนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลงระดับอำเภอ (PEP for D-CAST) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในด้าน “การพัฒนาคน” ตามนโยบายการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (HRD) ของกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะการบริหารงานบุคคลในระดับพื้นที่ที่ถือเป็นหน้าที่สำคัญของ “นายอำเภอ” ในฐานะนายกรัฐมนตรีของพื้นที่ผู้เป็น “นักบริหารงานท้องที่ในทุกมิติ” ไม่ว่าจะเป็นการบริหารผู้ใต้บังคับบัญชาในอำเภอ (Management) หรือการสรรหาทีมงานในพื้นที่ (Recruitment) รวมไปถึงการพัฒนาบุคคล (Development) เพื่อให้นายอำเภอได้มีทีมงานเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนการขับเคลื่อนงาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งนำเอาหลักการกลไก 3 5 7 มาช่วยขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ด้วย โดยกลไก 3 ระดับ หมายถึง ระดับชุมชน/หมู่บ้าน ระดับจังหวัด และระดับประเทศ 5 กลไก ได้แก่ การประสานงานภาคีเครือข่าย การบูรณาการแผนงานและยุทธศาสตร์ การติดตามหนุนเสริมและประเมินผล การจัดการความรู้ และการสื่อสารสังคม และ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน เพื่อช่วยกันพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ สร้างกลไกการรวมกลุ่มเพื่อให้เกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกันในพื้นที่
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้ทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ในจังหวัดพิษณุโลก ได้นำเอาแปลงผักชุมชนและครัวเรือนตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ของนายทวนทอง หลิมเจริญ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไปปรับใช้ ไปพัฒนาในพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการทำจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน โดย “อถล.” หรืออาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก” ร่วมรณรงค์ขับเคลื่อนในการช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีความมั่นคงในชีวิต มีการดูแลซึ่งกันและกันภายในชุมชน ต่อยอดสู่การรวมกลุ่มเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ขจัดความเหลื่อมล้ำและความยากจน และยกระดับชุมชนสู่สังคมที่ยั่งยืน สามารถอยู่รอดปลอดภัย และมีความสุข อันจะนำไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืนที่แท้จริง (Sustainable Village)
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 771/2566 วันที่ 11 ส.ค. 2566
