เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ดได้รับแจ้งจากสำนักทะเบียนอำเภอเมืองร้อยเอ็ดว่า มีประชาชนจำนวนมากมาติดต่อขอรับบริการทำบัตรประชาชนใบใหม่ อ้างว่าเพื่อนำไปสแกนบัตรประชาชนในการสมัครสมาชิกบริษัทขายเครื่องสำอางค์ โดยมีคำโฆษณาว่า หากสมัครสมาชิกจะได้รับค่าสมาชิก เป็นเงิน 500-700 บาท
“ตนจึงได้สั่งการให้นายไพโรจน์ จิตจักร์ ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด ได้บูรณาการพนักงานฝ่ายปกครอง กลุ่มงานความมั่นคง ที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ดร่วมกับฝ่ายความมั่นคงที่ทำการปกครองอำเภอเมืองร้อยเอ็ด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด และกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ บ้านนันทิยารีสอร์ท ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึง ได้พบกลุ่มบุคคลเป็นชาย จำนวน 4 ราย ได้เช่าห้องพัก 3 ห้อง เพื่อเป็นสถานที่รับสมัครสมาชิก และมีประชาชนรอสมัครเป็นสมาชิกจำนวนหนึ่ง และภายในห้องที่เปิดเป็นสถานที่รับสมัครพบว่ามีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 14 เครื่อง และซิมการ์ดที่เปิดใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้จำนวนมาก และได้พบบัตรประชาชนของผู้ที่จะสมัครสมาชิก ซึ่งจากการสอบถามกลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่า รับสมัครสมาชิกเพื่อนำบัตรประชาชนของสมาชิกที่มาสมัครไปเปิดบัญชีซื้อของกับแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ในราคาถูก และจะนำไปขายเพิ่มราคาในเฟซบุ๊ก” นายทรงพลฯ กล่าว
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวต่ออีกว่า ภายหลังจากสอบถามจนได้ข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวกลุ่มบุคคลทั้ง 4 ราย รวมถึงพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ จำนวน 5 ราย และหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปรับสมัครสมาชิกที่จังหวัดมหาสารคาม และตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เป็นต้นมา ได้มารับสมัครสมาชิกที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดึงข้อมูลจากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ พบว่ามีผู้สมัครสมาชิกเป็นประชาชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด รวมประมาณ 40 ราย โดยพฤติการณ์ คือ กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะให้ผู้มาสมัครสมาชิกกรอกข้อมูลส่วนบุคคลลงทะเบียนในซิมการ์ด และสแกนภาพใบหน้า พร้อมผูกบัญชีธนาคารของกลุ่มบุคคลดังกล่าว จากนั้นสมัครแอปพลิเคชันกู้เงินที่ผิดกฎหมาย โดยจะหลอกเอาเงินจากแอปพลิเคชันกู้เงินมาเข้าบัญชีที่ผูกไว้จนพอใจแล้วจะปิดบัญชี และรีเซตโทรศัพท์เพื่อตัดช่องทางการติดต่อเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีจากกรณีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการบันทึกประวัติและพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลทั้ง 4 ราย เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคง เร่งสืบสวนนำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ได้ และหากพี่น้องประชาชนเคยพบพฤติการณ์ลักษณะดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม หากพบว่าตนเป็นผู้เสียหาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่พักอาศัย เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำฐานข้อมูลมาติดตามตัวดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อไป
“หากพบผู้ต้องสงสัยที่เชื่อได้ว่าเข้าข่ายฉ้อโกง หรือมีพฤติกรรมเป็นมิจฉาชีพ ทั้งในรูปแบบการเชิญชวนสมัครสมาชิก และในรูปแบบโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูล ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ ไปให้ข้อมูลส่วนตัวเป็นอันขาด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยขอให้แจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 หรือสายด่วนตำรวจ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการนำผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป” นายทรงพลฯ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 798/2566 วันที่ 18 ส.ค. 2566