เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์มุ่งส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนและประชาชนทั่วไปได้สวมผ้าไทยในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลาย และเกิดการอนุรักษ์และสืบสานผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับผ้าไทยให้มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงในเวทีโลก เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ตามพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยรณรงค์ส่งเสริมให้ข้าราชการและประชาชนได้แต่งกายด้วยผ้าไทยตามความเหมาะสมของท้องถิ่นเพิ่มขึ้น มีหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น เป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” เพื่อให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และพี่น้องประชาชนได้ร่วมกันหันมาสวมใส่กันในทุกโอกาส
“เป็นความโชคดีของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ที่จังหวัดสุรินทร์เป็นพื้นที่แห่งความยั่งยืนในด้านการผลิตผ้าไหมไทยที่เป็นภูมิปัญญาสืบทอดกันมาอย่างช้านานหลายชั่วอายุคน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะ “หมู่บ้านผ้าไหม” นั่นคือ บ้านท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศไทย โดยประชาชน ช่างทอผ้าในหมู่บ้านต่างมีฝีมือในการทอผ้าไหมโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ ด้วยเทคนิคการทอผ้ายกทองแบบโบราณผสานกับลวดลายที่วิจิตรงดงาม โดยการทอผ้าแต่ละผืนต้องใช้คนทอเป็นจำนวนมากและใช้เวลาในการทอนานหลายเดือน มีลวดลายที่ละเอียดสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เนื้อละเอียดนุ่มแน่นชนิดจับต้องได้ จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ทอผ้าไหมยกทองโบราณเพื่อมอบให้กับผู้นำเอเปค เมื่อปี พ.ศ. 2546 และที่สำคัญ คือ มีผู้สืบทอดที่เป็นทั้งครูบาอาจารย์และเป็นศิลปินประจำถิ่น คือ “อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย” จึงถือเป็นพื้นที่ที่มีต้นทุนเดิมในการส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ที่ลูกหลานคนสุรินทร์ได้ร่วมภาคภูมิใจ และสืบสานรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ สวมใส่ผ้าไทยในทุกวัน ทุกโอกาส” นายพิจิตรฯ กล่าว
นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า สิ่งที่จังหวัดสุรินทร์กำลังขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมการใช้ผ้าไทยนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่จังหวัดสุรินทร์ได้ร่วมขับเคลื่อนกับกระทรวงมหาดไทยและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนมาโดยตลอด เพื่อมุ่งส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีอาชีพ มีรายได้ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะผ้าไทยล้วนทำมาจากสีธรรมชาติไม่ใช้สารเคมีหรือผ้าใยสังเคราะห์ ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ขององค์การสหประชาชาติ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืนกับสหประชาชาติประจำประเทศไทย มุ่ง Change for Good ทำให้โลกใบเดียวของทุกคนมีอายุยืนยาวตราบนานเท่านาน ด้วยแนวคิด “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน “โลกนี้เพื่อเรา””
นอกจากนี้ จังหวัดสุรินทร์ ได้ร่วมรณรงค์การแต่งกายด้วยผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมืองในทุกวัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้สู่ชุมชน เกิดการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ภายใต้คำขวัญ “ชาวสุรินทร์ภูมิใจ สวมใส่ผ้าไทยทุกวัน” โดย 1) วันจันทร์ : แต่งกายด้วยเครื่องแบบปฏิบัติราชการหรือเครื่องแบบของหน่วยงาน 2) วันอังคาร : แต่งกายด้วยผ้าลายอัตลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ “ผ้าโฮล ผ้าอัมปรม ผ้าสมอ อันลูนซีม ผ้าละเบิก ผ้าสาคู ผ้าหางกระรอก” 3) วันพุธ : แต่งกายด้วยผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมือง 4) วันพฤหัสบดี : แต่งกายด้วยผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” 5) วันศุกร์ : แต่งกายด้วยผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมืองสีฟ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผ้าไทยของจังหวัดสุรินทร์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก มีการผลิตมาอย่างยาวนานและยังคงรักษารูปแบบ สีสัน ลวดลาย ความประณีตบรรจง รวมถึงเทคนิคการทอแบบโบราณอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นไว้ได้ดีจนถึงปัจจุบัน คนชาติพันธุ์เขมร ลาว และกูย ในจังหวัดสุรินทร์ล้วนสืบสานงานทอผ้ามาจากบรรพบุรุษซึ่งมีทั้งความแตกต่างทางด้านเทคนิคการทอ ลวดลาย การให้สี การย้อมสี และวัตถุดิบที่ใช้ ในขณะเดียวกันก็มีการถ่ายทอดลวดลาย กรรมวิธีการผลิตซึ่งกันและกันเสมอ ซึ่งในแต่ละขั้นตอนล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อน ความชำนาญ และความมีใจรักของช่างทอ เป็นอย่างยิ่ง
“ขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์และทุกจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกันสวมใส่ผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมือง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้สู่ชุมชน เกิดการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก อันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวสุรินทร์ รวมทั้งพี่น้องประชาชนช่างทอผ้าและครอบครัวในทั่วประเทศ ให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และร่วมกันสืบทอดศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืน” นายพิจิตรฯ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 810/2566 วันที่ 23 ส.ค. 2566