วันนี้ (13 ธ.ค. 66) นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติให้มีจิตสำนึกและมีความภาคภูมิใจในชาติ และยึดมั่นทำนุบำรุงสถาบันสำคัญของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยการตระหนักและให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยเฉพาะ 3 วิชาสำคัญ ได้แก่ วิชาประวัติศาสตร์ วิชาหน้าที่พลเมือง และวิชาศีลธรรมและจริยธรรม โดยใช้กลไกผู้นำในระดับพื้นที่ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ให้ความสำคัญและรณรงค์สถานศึกษาในพื้นที่ และส่งเสริมให้เด็กเยาวชนได้รับการศึกษาเรียนรู้อย่างเท่าเทียม
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายให้ทุกจังหวัดดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย พร้อมทั้งเปิดรับสมัครตัวแทนจังหวัดเพื่อทำหน้าที่เป็น “ครู ก” หรือผู้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นให้กับเยาวชนและประชาชน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกตัวแทนของจังหวัด เพื่อสร้างความตระหนักในความรักชาติ ส่งเสริมความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์ในสังคมไทย ตลอดจนรู้ถึงคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันของชาติ และค่านิยมในการปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษของชาติไทย โดยให้ทุกจังหวัดได้ขยายผลให้ครอบคลุมทั้งในระดับจังหวัดและระดับพื้นที่ พร้อมทั้งรายงานผลการรับสมัคร “ครู ก” หรือผู้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นไปยังส่วนกลาง ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2566
“จังหวัดสระบุรีจึงได้บูรณาการกับภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ไปสรรหา “ครู ก” ผู้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยทางสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสระบุรี นำโดยนางสาวกาญจน์ชนิษฐา เอกแสงศรี ท้องถิ่นจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยบุคลากร ได้ลงพื้นที่ไปเรียนเชิญบุคคลสำคัญที่เป็นภาคีเครือข่าย อาทิ ผู้นำภาควิชาการ ผู้นำภาคเอกชน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยจำนวนหลายท่าน เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมเป็นผู้เล่าเรื่องในกิจกรรมการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมถึงผู้นำภาคศาสนา อาทิ พระคุณพระราชธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย รองเจ้าคณะภาค 2 และพระครูปลัดสุนทร ฐิตาจาโร คณะสงฆ์วัดพระพุทธฉาย มาคัดเลือกเป็น “ครู ก ผู้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย” รวมถึงความเป็นมาของวัดพระพุทธฉาย และโบราณสถานต่าง ๆ ของจังหวัดสระบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ารับการคัดเลือกอีก 6 ราย ได้แก่ 1) นายอุดร สารคม อาชีพข้าราชการบำนาญ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย 2) นายสายชล เพยาว์น้อย เจ้าของธุรกิจส่วนตัว 3) นายสุริยัน ดิษฐคลึ ผู้ดูแลหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไท-ยวน 4) นายกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ อาชีพครู ผู้สืบสานภูมิปัญญาไทยวน-ล้านนา และเป็นเจ้าของที่ดินที่ตั้งท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดสระบุรี 5) พันเอกเพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง ผอ.รมน.จังหวัดสระบุรี เป็นวิทยากรประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วัดพระพุทธบาท และ 6) นายวิโรจน์ สุวรรณคีรี อดีตข้าราชการครู รวมทั้งสิ้น 8 ท่าน” นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าว
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ จังหวัดสระบุรียังมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น โดยจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาติไปสู่ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น สร้างความรู้ความเข้าใจชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัวและชุมชน ทำให้เกิดความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันของคนในสังคม รวมถึงจัดกิจกรรมในรูปแบบอื่น ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของชาติ คือ เด็กไทยที่จะเติบโตไปสู่ผู้ใหญ่ในอนาคต ทำให้ทุกคนในสังคมได้มีการปฏิบัติตนอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจด้วยจิตอาสาในการทำความดี อันจะนำไปสู่การทำให้คนในชาติได้ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อสังคม และต่อประเทศของเรา
กองสารนิเทศ สป.มท
ครั้งที่ 1222/2566 วันที่ 13 ธ.ค. 2566
