วันนี้ (5 เม.ย. 67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “ศูนย์เรียนรู้ สู่วิถีพอเพียงตำบลหัวรอ” อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมีอาจารย์ขวัญทอง สอนศิริ (อ.โจ้) ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอเมืองพิษณุโลก ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลกได้ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน การน้อมนำแนวพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยมี “ทีมงาน” ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อให้เกิดพลังแห่งความร่วมมือในการสร้างสรรค์พัฒนาวิธีการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ส่งผลให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืน โดยมี ภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ขวัญทอง สอนศิริ ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้สนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในด้านองค์ความรู้และคุณค่าทางประวัติศาสตร์สู่การต่อยอดการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมี คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการฯ ระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล และระดับอำเภอ (ทีม V-CAST, T-CAST, D-CAST) เป็นแกนหลักและโซ่ข้อกลางในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน
“ศูนย์การเรียนรู้สู่วิถีพอเพียงตำบลหัวรอนี้ปรากฏผลเป็นประจักษ์ในความสำเร็จที่น่าชื่นชม คือ หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Viilage) หมู่ 3 บ้านตาปะขาวหาย นอกจากนี้ศูนย์การเรียนรู้สู่วิถีพอเพียงตำบลหัวรอ ยังเป็นแหล่งพัฒนาและสร้างเสริมบุคลากรของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นผู้บริหารที่มีสรรถภาพสูง ตามโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข บูรณาการอย่างยั่นยืน ไม่เพียงเท่านั้น ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ศูนย์การเรียนรู้สู่วิถีพอเพียงตำบลหัวรอ ยังได้รับการมาเยือนของนักเรียนชั้นมัธยมตอนปลาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ มาศึกษาเรียนรู้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของ นางปิ่นเพชร พูลสวัสดิ์ กำนันตำบลหัวรอ จำนวน 2 ไร่ 3 งาน ที่ได้มอบให้ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลหัวรอ พัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยร่วมกันในชุมชนท้องถิ่นตำบลหัวรอ อันเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของชุมชนท้องถิ่น หรือ ลานชุมชนคนหัวรอ ในด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำขยายผลสู่ชุมชนท้องถิ่นหัวรอ” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับศูนย์เรียนรู้ สู่วิถีพอเพียงตำบลหัวรอ มีการบริหารจัดการ พื้นที่การเรียนรู้ ออกเป็น 10 ส่วน ดังนี้ 1. แปลงนาสาธิต และวิถีทุ่งชาวนาทุ่งหัวรอ ตั้งแต่อดีตและการเลี้ยงปลาในนา (การตกกล้าดำนา – การสุ่ขวัญข้าว : ไม้คันหลาวหามข้าว : การตีข้าว นวดข้าว แบบ โบราณ : หุ่นไล่กา) 2. แปลงพืชผัก ตามฤดูกาล แปลงปลูกถั่ว พันธุ์สิรินธร 1 (ถั่วฝักยาว สีม่วง) พืชสมุนไพร อาทิ ตะไคร้หอม เพื่อใช้ทำน้ำหอมกันยุง และ ไม้มงคลในบุญพิธีวิถีไทย แปลงดอกดาวเรือง เพื่อตัดดอกจำหน่ายให้แก่ร้านพวงมาลัย ดอกไม้ในท้องถิ่นหัวรอ และเพื่อใช้บูชาพระ ใช้ในประดับบายศรี หรือ ในประเพณีลอยกระทง 3. สระน้ำ ดูน้ำภายในศูนย์ใช้เลี้ยงปลาดุก บัวสาย บอน ต้นเตยหอม ริมสระ ปลูกแพผักบุ้งแพผักกะเฉด สำหรับบริโภค และแพผักตบชวา ช่วยลดปัญหาน้ำเน่าเสีย การเลี้ยงแหนแดงจะช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำ 4. โรงเห็ดชุมชนคนหัวรอ (เห็ดนางฟ้าภูฐาน) ใช้ในการบริโภคครัวหัวรอ นำมาต่อยอดภูมิปัญญาอาหาร จากเห็ดนางฟ้าหลายรายการ 5. เล้าไก่ไข่ชุมชนคนหัวรอ : เลี้ยงไก่ไข่ ด้วยหัวอาหารผสมแหนแดง (ไม่ใช่สารเร่ง) ไข่ไก่ใช้บริโภค และ มอบแก่ ครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ในตำบลหัวรอและกำลังเตรียมการศึกษาในการเพาะพันธุ์ไก่ (ลูกเจี๊ยบ) เอง เพื่อลดต้นทุนในการจัดซื้อไก่พันธุ์ไข่ต่อไป 6. ธนาคารน้ำใต้ดิน (สาธิต) และ การเตรียมดิน : ดินผักตบชวา ย่อยสลายและปุ๋ยหมัก จากผักตบชวา และอื่น ๆ การใช้ยา น้ำหมักชีวภาพกำจัดแมลงศัตรูพืชที่มารบกวนแปลงพืชผัก ภายในศูนย์การเรียนรู้วิถีพอเพียงตำบลหัวรอ 7. ธนาคารเมล็ดพันธุ์ และ กล้าต้นพันธุ์ศูนย์การเรียนรู้ ฯ จะเก็บฝักหรือผล มาเพาะทำเมล็ดพันธุ์เพาะต้นกล้าไม้ สำหรับมอบหรือแจกขยายผล ไปยังครัวเรือนตัวอย่างทั้ง 12 หมู่บ้านในตำบลหัวรอ และหน่วยงานประชาชน ที่สนใจ 8. ครัวหัวรอ โดยกลุ่มสตรีแม่บ้านกลุ่มอาหาร – ขนมไทย พื้นถิ่น ตำบลหัวรอ อาทิ ขนมเทียนแก้ว ขนมกล้วย ข้าวต้มมัดใส่มันม่วง ข้าวดอกอัญชันห่อใบบัว 9. กลุ่มทอผ้ามือพื้นบ้านหัวรอ เตาไห “ผ้าทอลายอุ” จากลายอุโบราณไหลายอุ แหล่งเตาบ้านเตาไห ตำบลหัวรอ เป็นอัตลักษณ์เครื่องปั้นดินเผาพิษณุโลก สมัยสุโขทัยตอนปลาย โดยกำหนดพัฒนาต่อยอด เป็น “ผ้าขาวม้าลายอุ” สำหรับบุรุษ (ใช้เป็นผ้าตัดเสื้อได้) : ผ้าสไบลายอุ และ ผ้านุ่งลายอุ สำหรับสตรี และ 10. ลานชุมชน คนหัวรอ สู่ “ลานชุมชน คนหัวรอ” เพื่อเป็นพื้นที่และให้ผู้ที่สนใจ ตลอดจนนักท่องเที่ยว ได้มาเที่ยวชมพักผ่อนบรรยากาศสวนเกษตรภายในศูนย์ และร่วมกิจกรรมสันทนาการ สร้างสัมพันธไมตรี ความกลมเกลียวให้บังเกิดขึ้นในชุมชน รวมทั้งเป็นแหล่งจำหน่ายอาหาร และขนมพื้นถิ่นหัวรอเครื่องดื่มกาแฟโบราณ ตลอดจนพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษผลไม้ตามฤดูกาลในชุมชนเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในตอนท้ายว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและผู้สนใจตลอดจนนักท่องเที่ยว ได้มาศึกษาเที่ยวชมพักผ่อนบรรยากาศภายในศูนย์และร่วมกิจกรรมสันทนาการ สร้างสัมพันธไมตรีกลมเกลียวให้บังเกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งจับจ่ายซื้อสินค้าและอาหารพื้นถิ่นหัวรอ ตลอดจนพืชผักสวนครัว ปลอดสารพิษในชุมชน ท้องถิ่นหัวรอ เพื่อสร้างรายได้เสริม ให้แก่ กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ของตำบลหัวรอ พร้อมทั้งขอให้คนมหาดไทย นำเอาความสำเร็จและความร่วมไม้ร่วมมือของพี่น้องชาวตำบลหัวรอ จังหวัดพิษณุโลก ไปปรับใช้กับในพื้นที่ของตนเอง โดยมีสิ่งที่สำคัญที่พี่น้องชาวตำบลหัวรอ และในทุกพื้นที่ต้องมีนั้นคือ ต้องมีหลัก 4 ร่วม กับทุกภาคีเครือข่ายเเละต้องยึดหลักการทำงานให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อ (SDGs) คือ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ สิ่งสำคัญ คือ ความใกล้ชิดกับประชาชนเเละภาคีเครือข่าย หากเขาไว้ใจเรา เราจะได้ความช่วยเหลือ และได้รับการมีส่วนร่วม ขอให้พุ่งเป้าสู่การสร้างหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่มีทั้งความมั่นคงทางอาหาร ในโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง เเละโครงการทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ส่งเสริมให้เลี้ยงเป็ด ไก่ ปลา ปลูกผักปลอดสารพิษ โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก การบริหารจัดการและคัดเเยกขยะ จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และขยายผลภาคีเครือข่าย ทั้งกลุ่มผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ กลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กลุ่ม อถล. กลุ่มผู้นำชุมชนต้นแบบ กลุ่ม อปพร. สมาชิก อส. และกลุ่มภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อให้ขยายผลจากจุดเล็ก ๆ เหล่านี้ไปสู่ ระดับอำเภอ จังหวัด เเละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 581/2567 วันที่ 5 เม.ย. 67
