เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 เวลา 21.23 น. ที่วัดนิมิตโพธิญาณ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย คุณธนนนท์ นิรามิษ ภริยา เป็นประธานจุดเทียนชัยพิธีพุทธาภิเษกเททองหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายณฐพล วิถี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก โดยได้รับเมตตาจาก พระครูใบฎีกากฤษณ์ กิตติญาโณ (พระอาจารย์ตุ๋ย) เจ้าอาวาสวัดนิมิตโพธิญาณ ประกอบพิธี
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 19.09 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงประดิษฐานพระพิฆเนศ และพิธีพุทธาภิเษกเททองหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ โดยมี คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายณฐพล วิถี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก โดยได้รับเมตตาจาก พระครูใบฎีกากฤษณ์ กิตติญาโณ (พระอาจารย์ตุ๋ย) เจ้าอาวาสวัดนิมิตโพธิญาณ ประกอบพิธี
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า วัดนิมิตโพธิญาณ ตั้งอยู่ที่บ้านโนนยางพัฒนา หมู่ที่ 17 ตำบลเพ็ญ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี มีเนื้อที่ 36 ไร่ 46 ตารางวา ก่อสร้างวัดในปี พ.ศ. 2480 ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ บ้านโพนงาม หมู่ที่ 4 ปัจจุบันเป็นบ้านโนนยางพัฒนา หมู่ที่ 17 (แยกมาจากบ้านโพนงาม) โดยมีรายนามพระภิกษุที่เคยมาจำพรรษาที่วัดและเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 ถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย หลวงปู่คำ ปี พ.ศ. 2510 หลวงปู่ลาย ปี พ.ศ. 2517-2525 หลวงปู่เสือ ปี พ.ศ. 2525-2530 หลวงปู่รวย ปี พ.ศ. 2530-2533 และพระครูใบฎีกากฤษณ์ กิตติญาโณ (พระอาจารย์ตุ๋ย) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 – ปัจจุบัน
“เมื่อเริ่มแรก ชาวบ้านในสมัยนั้นได้ร่วมกันตั้งวัดไว้ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน บ้านโพนงาม หมู่ที่ 4 ตำบลเพ็ญ ชื่อ “วัดบัวกกคู้” ต่อมามีชาวบ้านในหมู่บ้านเสียชีวิตอย่างผิดปกติถึง 2 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 2 มีการเสียชีวิตแบบผิดปกติมากกว่าครั้งที่ 1 ชาวบ้านจึงเชื่อว่าอาจเป็นเพราะมีการสร้างวัดไว้ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน จึงพร้อมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันย้ายวัดไปสร้างใหม่ไว้ที่ด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ชื่อว่า “วัดโพนทอง” ซึ่งวัดนี้เป็นวัดคู่บ้านโพนงามปรากฏมาจนปัจจุบัน ส่วนบริเวณวัดบัวกกคู้ สถานที่นั้นก็ถูกทิ้งร้างเรื่อยมา โดยปรากฎหลักฐานบริเวณที่มีการสร้างวัดซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “โนนหญ้าคา” อันเป็นบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านโพนงาม ในช่วงแรกจวบจนเมื่อประมาณก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เริ่มมีคณะสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐานได้ใช้เส้นทางธุดงค์ผ่านทางอำเภอเพ็ญ และผ่านสถานที่แห่งนี้เพื่อเดินธุดงค์จากทางอีสานใต้เพื่อไปปฏิบัติธรรมที่อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย รวมถึงการธุดงค์ต่อไปยังประเทศลาวด้วย ได้ใช้สถานที่นี้สร้างวัดและปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นที่พักระหว่างการธุดงค์ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีต้นไม้หลายชนิดและร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยางนา ไม้พยุง ไม้เต็ง เป็นต้น ต่อมาวัดได้รกร้างไปอีกหลายปี จวบจนเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2510 จึงมีพระสงฆ์มาอยู่จำพรรษาต่อเนื่อง มีศาลาการเปรียญ กุฏิ และเสนาสนะที่ถาวร เจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาจนปัจจุบัน และสันนิษฐานว่าบริเวณที่เป็นวัดนิมิตโพธิญาณนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดบัวกกคู้ในอดีต” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้นายอำเภอเพ็ญได้ร่วมกับทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ร่วมบำรุงพัฒนาพื้นที่วัดนิมิตโพธิญาณแห่งนี้ ตามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือดำเนินโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข “ระดับปฏิบัติการเชิงพื้นที่” ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับเมตตาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม บูรณาการภาคีเครือข่ายทำให้วัดเป็นสถานที่สัปปายะ เป็นสถานที่พักแก่ผู้เข้ามาพึ่งพาบำบัดทุกข์และเสริมสร้างความสุขทั้งแก่กายและใจ อันจะนำไปสู่ความวัฒนาสถาวรของชาติและสถาบันพระพุทธศาสนา ด้วยการทำให้วัดเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ทั้งหลักธรรมคำสอนบวรพระพุทธศาสนา หลักวัตรปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์ มีหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร เป็นอาทิ รวมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพึ่งพาตนเอง พร้อมทั้งพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในด้านการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” ปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร และเป็นแหล่งเรียนรู้ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านในการหลอมรวมความรัก ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความเป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงในหลักธรรมคำสอน และถ่ายทอดสู่เด็ก เยาวชน ลูกหลานชาวอำเภอเพ็ญ และชาวจังหวัดอุดรธานี รุ่นต่อไป สอดคล้องกับพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” อันจะทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขอย่างยั่งยืน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 703/2567 วันที่ 23 เม.ย. 2567
