วันนี้ (23 มิ.ย. 67) นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองนครพนม ได้บูรณาการกำลังร่วมกับฝ่ายตำรวจและ ตชด บุกจับผู้ค้ายาเสพติดพร้อมทั้งผู้เสพ จำนวน 3 ราย ยึดของกลางเป็นยาเสพติดกว่า 400 เม็ด และเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า การออกปฏิบัติการในครั้งนี้ เนื่องมาจากตนได้รับข้อร้องเรียน และแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่า นายเก่ง (สงวนชื่อนามสกุลจริง) ราษฎร ต.บ้านกลาง อ.เมืองนครพนม จว.นครพนม มีพฤติการณ์แสดงตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างความหวาดกลัวและความหวาดระเเวงให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากนายเก่งข่มขู่ประชาชนด้วยวาจาที่ก้าวร้าวรุนแรงว่า หากผู้ใดนำเรื่องของตนไปบอกกับเจ้าหน้าที่ ตนจะนำอาวุธปืนเข้ามาทำร้ายร่างกายกับผู้ที่ให้เบาะเเสกับทางการ จึงได้สั่งการให้ นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอเมืองนครพนม มอบหมาย นายประชุมศิลป์ พิทักษ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายจักรพล เที่ยงภักดิ์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง นำกำลังสมาชิก อส.อ.เมืองนครพนม ที่ 3 บูรณาการกำลังร่วมกับ สภ.บ้านกลาง และ ร้อย ตชด. 236 ร่วมกันดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเร่งด่วน
“จากการปฎิบัติ เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบ้านของนายเก่ง ในพื้นที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดยได้พบนายเก่งนั่งบนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ honda สี เทา ด้วยกิริยาท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น ซึ่งผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงสอบถามนายเก่ง ว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยนายเก่งยอมรับว่าตนเสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบเสพติดเบื้องต้นพบผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตัวอย่างน้ำปัสสาวะขอนายเก่ง เพื่อนำส่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ที่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนม และได้รับผลการตรวจจากทางแพทย์ว่า พบสารแอมเฟตามีนในน้ำปัสสาวะ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับนายเก่งทราบว่า “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และในขณะเดียวกัน ช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการควบคุมตัวนายเก่ง เจ้าหน้าที่เห็นนางสาวกิ๊บ (สงวนชื่อนามสกุลจริง) ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ honda รุ่น wave 100 สีดำ ขับมาในพื้นที่กำลังจะเลี้ยวเข้ามาที่บ้านของนายเก่ง ด้วยท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน เพื่อขอทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในตัวบุคคลแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามถึงสิ่งผิดกฎหมายกับนางสาวกิ๊บและได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าตนมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ จึงได้นำยาบ้าออกมาให้เจ้าหน้าที่ พบยาบ้าเม็ดสีแดงจำนวน 3 เม็ด บรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกสีดำ 2 หลอด รวมยาบ้าทั้งหมดจำนวน 6 เม็ด อยู่ในกล่องเหล็ก ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวาที่นางสาวกิ๊บสวมใส่อยู่ สอบถามนางสาวกิ๊บยอมรับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนจริง ซึ่งตนซื้อมาจากนางสาวอุ๋ย ราษฎร บ้านดงติ้ว ตำบลบ้านกลาง จำนวน 100 เม็ด ในราคา 300 บาท เพื่อนำมาเสพและเเบ่งจำหน่าย เจ้าหน้าที่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดจึงได้เเจ้งข้อกล่าวหาและทำการจับกุม พร้อมทั้งได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นางสาวกิ้บทราบว่า ตนกระทำความผิดในฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปยัง สภ.บ้านกลางเพื่อทำการสืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด รวมทั้งทำบันทึกการจับกุมและส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย“ นายวันชัย กล่าว
“ภายหลังจากการสืบสวนขยายผลการจับกุมนางสาวกิ๊บ โดยที่นางสาวกิ๊บยอมรับว่าซื้อยาบ้ามาจากนางสาวอุ๋ย ราษฎร ต.บ้านกลาง จริง และยอมรับว่ายังค้างค่ายาบ้ากับนางสาวอุ๋ยเป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท เจ้าหน้าที่จึงให้ผู้ถูกจับติดต่อหานางสาวอุ๋ยผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ และให้ผู้ถูกจับบอกกับนางสาวอุ๋ยว่าให้เตรียมยาบ้าไว้ให้ตน เพื่อที่คนจะเข้าไปหาที่บ้าน จากนั้นได้ให้ผู้ถูกจับพาไปหาบ้านของนางสาวอุ๋ย และพบนางสาวอุ๋ย นั่งอยู่เปลบริเวณหลังบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เเสดงตัวแจ้งกับนางสาวอุ๋ยว่า ได้ทำการจับกุมนางสาวกิ้บ แล้วนางสาวกิ้บซัดทอดมาว่า ซื้อยาบ้ามาจากตน จึงได้ทำการตรวจค้นนางสาวอุ๋ย ซึ่งสารภาพว่าได้ซุกซ่อนยาบ้าอยู่จำนวนหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดปิด ซุกซ่อนอยู่ในกล่องพลาสติกใส วางอยู่ชั้นวางของข้างเปลที่นางสาวอุ๋ยนั่งอยู่ พบยาบ้า จำนวน 6 ถุง จำนวน 371 เม็ด และเขียนระบุจำนวนยาบ้าแต่ละถุง พร้อมที่จะจำหน่าย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ พร้อมกับทำการจับกุม นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลาง ส่งดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป“ นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติม
นายวันชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้เกิดขึ้น ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งนโยบายของจังหวัดนครพนม ในการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น เคมีภัณฑ์ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัยมาสู่ประชาชน โดยตนได้ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน ต้องเข้ามาร่วมกันดำเนินการ ในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย ผู้ผลิตและผู้ค้าต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ใช้กระบวนการทางกฎหมายในการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยการยึดและอายัดทรัพย์สิน ตัดวงจรการค้ายาเสพติด ซึ่งดำเนินการบูรณาการกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร หน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นอกจากนี้ พี่น้องประชาชนยังสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการปราบปรามยาเสพติดให้เกิดผลได้อย่างยั่งยืน ด้วยการร่วมเป็นหูเป็นตาสอดส่องความผิดปกติ แจ้งเบาะแสการกระทำความผิดทุกประเภท ผ่านทางนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1266/2567 วันที่ 23 มิ.ย. 67
