เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 67 นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ตามที่นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้จังหวัดทุกจังหวัดเร่งตรวจสอบคุณภาพและการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในโรงเรียน เพื่อป้องกันการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหลซึ่งเป็นเหตุอันก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของเด็กนักเรียนและบุคลากรในสถานศึกษา จังหวัดเลย จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษา ลงพื้นที่ 14 อำเภอของจังหวัด โดยมีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ ออกตรวจสอบตู้น้ำเย็นในทุกโรงเรียน เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไข กรณีมีไฟรั่วหรือไม่มีสายดินโดยเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนในสถานศึกษาทั่วประเทศ
พ่อเมืองเลย “ทำทันที” บูรณาการทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ตรวจสอบตู้กดน้ำดื่มทุกสถานศึกษาในพื้นที่เมืองเลย เน้นย้ำ เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยของนักเรียนในทุกพื้นที่ พร้อมกำชับโรงเรียนหมั่นตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในโรงเรียนสม่ำเสมอ
นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถานศึกษา อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ 14 อำเภอ เพื่อร่วมตรวจสอบเครื่องทำน้ำเย็นในสถานศึกษาในพื้นที่ โดยมีข้อกำหนดในการตรวจสอบ 1) ตรวจสอบอายุการใช้งานของเครื่องทำน้ำเย็นที่ติดตั้งอยู่หมดอายุแล้วหรือไม่ หากหมดอายุให้งดใช้ทันที 2) ต้องใช้เครื่องทำน้ำเย็น ที่ได้มาตรฐาน มอก. 3) ต้องมีการติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติในเครื่องทำน้ำเย็นทุกเครื่อง หากเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรเครื่อง Safety ที่ติดตั้งไว้จะทำการตัดไฟก่อน ทำให้ไม่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร 4) มีการเชื่อมต่อสายดิน 5) ติดตั้งในบริเวณที่แห้ง ฝนสาดไม่ถึงและไม่ถูกแสงแดด
“จากผลการปฏิบัติงานในวันนี้ โดยมีความคืบหน้าในการดำเนินการสถานศึกษาในพื้นที่ได้แก่ อำเภอเมืองเลย จำนวน 4 โรงเรียน ได้แก่ 1) โรงเรียนเลยพิทยาคม ตรวจพบตู้ทำน้ำย็น จำนวน 3 ตู้ สามารถใช้งานได้ตามปกติและมีความปลอดภัย 2) โรงเรียนมหาไถ่ศึกษาเลย ตรวจพบตู้ทำน้ำย็น จำนวน 2 ตู้ สามารถใช้งานได้ตามปกติและมีความปลอดภัย 3) โรงเรียนเทศบาล 5 ตรวจพบตู้ทำน้ำเย็น จำนวน 2 ตู้ สามารถใช้งานได้ตามปกติและมีความปลอดภัย แต่จุดติดตั้งไม่มีความเหมาะสมเนื่องจากเป็นมุมอับ แนะนำให้ย้ายจุดติดตั้งไปยังพื้นที่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน 4) โรงเรียนเลยอนุกูลวิทยา ตรวจพบตู้ทำน้ำย็น จำนวน 2 ตู้ สามารถใช้งานได้ตามปกติและมีความปลอดภัย” นายชัยพจน์ฯ กล่าวในช่วง
นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับที่อำเภอวังสะพุง มีผลการดำเนินการ จำนวน 2 โรงเรียน ได้แก่ 1) โรงเรียนศรีสงครามวิทยา ตู้น้ำดื่ม จำนวน 4 ตู้ ใช้งานได้ปกติและมีความปลอดภัย จำนวน 3 ตู้ ตรวจพบตู้น้ำดื่มที่สายดินชำรุด 1 ตู้ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าดำเนินการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย และสามารถใช้งานอย่างปลอดภัยครบทั้ง 4 ตู้ 2) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 52 ตู้น้ำดื่ม จำนวน 1 ตู้ ตรวจพบระบบเมนเบรคเกอร์ชำรุด และไม่มีการใช้งานตู้น้ำดื่ม ทางโรงเรียนอยู่ระหว่างการจัดหาอะไหล่และขอความอนุเคราะห์ให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าวังสะพุงเข้าดำเนินการแก้ไข โดยเร่งด่วน
“ผลการดำเนินการที่อำเภอด่านซ้าย ที่โรงเรียนศรีสองรักษ์วิทยา มีตู้ทำน้ำเย็น จำนวน 3 จุด คือ มีปัญหาการเดินสายไฟไม่ถูกต้อง ระบบคัทเอาท์ไม่ตัดไฟ จุดวางตู้น้ำมีความชื้นแฉะ ไม่มีความปลอดภัย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอด่านซ้ายแก้ไขดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน และที่อำเภอเชียง จำนวน 2 โรงเรียน ได้แก่ 1) โรงเรียนอนุบาลเชียงคาน”ปทุมมาศสงเคราะห์” ตรวจพบตู้ทำน้ำเย็น จำนวน 2 ตู้ สามารถใช้งานได้ตามปกติและมีความปลอดภัย 2) โรงเรียนบ้านเชียงคาน “วิจิตรวิทยา”ตรวจพบตู้ทำน้ำเย็น จำนวน 1 ตู้ สามารถใช้งานได้ตามปกติและมีความปลอดภัย” นายชัยพจน์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวในช่วงท้ายว่า จังหวัดเลย ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและพี่น้องประชาชนทุกคน รวมถึงความสะอาดถูกสุขอนามัย รวมทั้งมีน้ำสะอาดดื่มได้ ซึ่งเป็น หนึ่งใน 11 นโยบายหลักของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการและเน้นย้ำเรื่องการมีน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียน โดยบูรณาการหน่วยงานในการปฏิบัติ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเลย และการไฟฟ้าอำเภอทุกอำเภอ วิทยาลัยเทคนิคเลย สถานศึกษาในพื้นที่ อำเภอทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในการดำเนินนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ จังหวัดเลย ได้กำชับไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียน ขอให้ตรวจสอบสภาพการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อยู่เสมอ สำหรับโรงเรียนใด ที่ยังไม่มีระบบตัดไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือพบความชำรุดของสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ ขอให้เลิกใช้และรีบให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบโดยเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในโรงเรียน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1310/2567 วันที่ 28 มิ.ย. 2567