วันนี้ (20 ก.ค. 2567) นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด โดยชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองสนธิกำลังกับฝ่ายตำรวจและทหารในพื้นที่อำเภอปาย ออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนของพื้นที่และตรวจพบยาเสพติด จำนวนกว่า 6,100,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดของกลาง เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายและจะทำการขยายผลของการตรวจพบในครั้งนี้เพื่อหาต้นตอจับกุมตัวเจ้าของยาเสพติดและตัวพ่อค้ายารายใหญ่ เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
“ปฏิบัติการในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับการรายงานข่าวจากสายลับในเขตพื้นที่ ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่เข้ามาอย่างพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อได้ทราบการแจ้งข่าวดังกล่าว ตนจึงสั่งการให้ นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปาย มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอปาย ประกอบด้วย ปลัดอำเภอและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอปาย บูรณาการร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรปาย ตชด.336 และกองร้อยทหารราบที่ 723 หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ลาดตระเวนตรวจสอบการลำเลียงยาเสพติดตามที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งถึงเวลา 13.30 น. ระหว่างการเดินสำรวจพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้พบยาเสพติด ถูกทิ้งไว้บริเวณในป่า ซึ่งจากการตรวจนับรวมทั้งหมด มียาเสพติดที่ถูกบรรจุเอาไว้ มากถึง 31 กระสอบ แยกเป็นยาบ้าจำนวน 6,100,000 เม็ด เคตามีน จำนวน 21 ก.ก. และรถมอเตอร์ไซค์ จำนวน 3 คัน จอดอยู่ใกล้จุดที่พบยาเสพติด พื้นที่ป่าบริเวณบ้านน้ำปลามุง (บ้านบริวารบ้านผีลู หมู่ที่ 9) ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับสืบหาเจ้าของของกลางทั้งหมดที่นำมาทิ้งไว้และเพื่อสืบเสาะไปยังตัวพ่อค้ารายใหญ่ในการผลิตยาบ้าต่อไป” นายชูชีพ กล่าว
นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระยะเร่งด่วน 3 เดือน (เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567) ของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งมั่น เข้มข้นและจริงจัง เพื่อลดปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาจากปัญหายาเสพติด ทั้งการทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินส่วนบุคคลและทรัพย์สินสาธารณะ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามกฎหมายเพื่อระงับเหตุและรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับพี่น้องประชาชน ปฏิบัติการในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือน “การตัดไฟ ตั้งแต่ต้นลม” กล่าวคือ การลดความเสี่ยง อันเป็นต้นตอที่จะนำมาซึ่งเหตุแห่งการสูญเสีย ด้วยการปราบปรามผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และป้องกันสังคม ไม่ให้ตกอยู่ในอันตรายที่อาจจะตามมาได้
““จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์” ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านและมีพื้นที่ป่าเป็นจำนวนมากซึ่งง่ายต่อการลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดน และบ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถจับกุมและตรวจยึดของกลางเป็นยาเสพติดจำนวนมาก ตนจึงอยากเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ทุกคนเป็นกำลังพลที่พร้อมจะปฏิบัติงานต่อต้านยาเสพติดด้วยวิธีการทุกรูปแบบทั้งเชิงรุก และเชิงรบ เพื่อปราบปรามกลุ่มพ่อค้า ผู้ที่ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น และยึดมั่นในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปฏิบัติหน้าที่โดยไม่หลงมัวเมาในสิ่งผิด การยั่วยุ และการพยายามติดสินบนของผู้กระทำผิดเพื่อให้รอดพ้นจากกฎหมาย โดยต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าเราคือปราการด่านสุดท้ายที่จะสามารถปกป้องพี่น้องประชาชนรวมทั้งลูกหลานของทุกคนให้รอดพ้นและปลอดภัยจากยาเสพติดซึ่งเป็นภัยร้ายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาทำลายสังคมไทยอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้พี่น้องประชาชนยังสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการปราบปรามยาเสพติดให้เกิดผลได้อย่างยั่งยืนอีกส่วนหนึ่ง ด้วยการร่วมเป็นหูเป็นตาสอดส่องความผิดปกติ แจ้งเบาะแสการกระทำความผิดทุกประเภท ผ่านทางนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมด้วยช่วยกันรักษาสังคมที่เรารัก และทำให้ยาเสพติดหมดสิ้นไปจากสังคมตลอดไป” นายชูชีพ กล่าวในช่วงท้าย
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #MOI
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1427/2567 วันที่ 20 ก.ค. 67