วันนี้ (14 ส.ค. 67) นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการซ่อมแซมสะพานข้ามลำน้ำปอนที่บริเวณบ้านเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพังทลายจากกระแสน้ำในลำน้ำกัดเซาะคอสะพาน จนได้รับความเสียหายและสะพานได้ถล่มลงมาไม่สามารถใช้การได้ โดยได้รับรายงานจาก นายณรงค์พัชญ์ นาคทรัพย์ นายอำเภอขุนยวม ว่า ขณะนี้องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ยวมน้อย ได้จัดส่งรถบรรทุกและรถขุดตักมาดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมบริเวณคอสะพาน เพื่อให้ประชาชนชาวบ้านแม่ซอ ได้ใช้สัญจรออกจากหมู่บ้านชั่วคราวแล้ว โดยจะมีการเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันนี้
นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า สะพานดังกล่าวเชื่อมระหว่างหมู่บ้านมะหินหลวง หมู่ที่ 8 ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม ไปยังหมู่บ้านแม่ลาก๊ะ หมู่ที่ 6 ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม ซึ่งมีความเสียหาย 2 แห่ง มีพื้นที่ประสบอุทกภัยใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอปางมะผ้า อำเภอแม่ลาน้อย และอำเภอขุนยวม โดยอำเภอขุนยวม ประสบภัยหนักที่สุด ซึ่งในเบื้องต้นได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยแล้วทั้งในพื้นที่ประสบภัยที่อยู่ห่างไกล และทุรกันดาร
นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 36 ได้จัดกำลังพล ชุดบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับฝ่ายปกครอง อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าดำเนินการสำรวจและให้การช่วยเหลือประชาชน บ้านแม่โกปี่ ตำบลแม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม โดยใช้เส้นทาง อ.ขุนยวม – บ.ปางอุ๋ง ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ – บ.หัวแม่ลาก๊ะ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน แทนเส้นทางเดิมที่เกิดดินถล่ม และดินสไลด์ปิดทับเส้นทาง โดยฝ่ายปกครองได้นำเครื่องจักรขนาดใหญ่ เข้าเปิดเส้นทาง จนถึง บ้านหัวแม่ลาก๊ะ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่สามารถเข้าถึง บ้านแม่โกปี่ฯ ได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเน้นย้ำว่า ทั้งนี้สถานการณ์ในพื้นที่อำเภอขุนยวม ไม่ได้มีเหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหลจนทำให้เกิดดินถล่มปิดเส้นทางแต่อย่างใดตามที่มีกระแสข่าวในสื่อโซเซียลแต่อย่างใด รวมถึงกรณีเส้นทางที่จะไปโรงเรียนบ้านแม่โกปี่ ที่มีการระบุว่ามีเด็กกว่า 40 คนถูกตัดขาดการเดินทาง ไม่สามารถออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้านได้และขาดแคลนอาหารจนทำให้เกิดกระแสในโลกโซเซียลว่าเด็กต้องอดอาหาร และชาวบ้านกว่า 400 ชีวิต ต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนเขาทำให้ไม่สามารถขอรับน้ำดื่มได้นั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อเท็จจริง คือ เด็กนักเรียนทั้ง 40 คนได้กลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ในพื้นที่ไฟฟ้าและการสื่อสารไม่สามารถใช้การได้ ส่วนเครื่องอุปโภคบริโภคทางจังหวัดและอำเภอได้เข้าดำเนินเร่งจัดส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดย อบต.แม่ยวมน้อย และหน่วยงานต่าง ๆ ได้นำอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพ เข้าไปให้การช่วยเหลือที่บ้านแม่โกปี่แล้ว
“สำหรับกรณีเด็ก ๆ ที่หนีน้ำท่วมฉับพลันขึ้นไปบนภูเขาสูงนั้นก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งราษฎรบ้านแม่โกปี่ อาศัยอยู่เชิงเขาและข้างลำห้วย หวาดกลัวเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ทับถมบ้านเรือนของตัวเอง จึงได้อพยพมาขออาศัยนอนที่โรงเรียนบ้านแม่โกปี่เพียงเท่านั้น นอกจากนี้ ตนได้กำชับให้นายอำเภอขุนยวม ดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยจะเร่งดำเนินการเปิดเส้นทางให้เข้าถึงหมู่บ้าน จาก บ.แม่ลาก๊ะ ถึง บ.แม่โกปี่ ระยะทางอีกประมาณ 10 กม. ทั้งนี้ อำเภอขุนยวมอยู่ระหว่างการระดมสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค ส่งต่อในการช่วยเหลือแล้ว พร้อมทั้งได้ขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอนในการเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่หมู่บ้าน หมู่ที่ 2 – หมู่ 8 ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม ที่มีสะพานเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านชำรุด และมีดินสไลด์ทับเส้นทางหลายแห่งทำให้ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรเป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร” นายชูชีพ กล่าวทิ้งท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1583/2567 วันที่ 14 ส.ค. 67