เมื่อวันที่ (18 ก.ย. 67) เวลา 14.00 น. ที่วัดฉื่อฉาง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชามอบให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์เป็นประธานในพิธีผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต วัดจื่อฉาง (จีนนิกาย) โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ โดยได้รับเมตตาจาก พระมหาคณาจารย์จีนธรรมวชิราจารย์ (เย็นอี่) ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เย็น เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์จีนนิกาย พร้อมด้วย พระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร (เย็นงี้) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส ปลัดขวาจีนนิกาย พระราชาคณะ เจ้าคณะ พระสังฆาธิการ 30 รูป อาทิ พระเทพมงคลโสภณ เจ้าคณะภาค 17-18 (ธ) วัดเสนาสนาราม พระเทพวชิรปาโมกข์ เจ้าคณะภาค 14 15 (ธ) วัดตรีทศเทพกรุงเทพมหานคร พระเทพวชิรดิลก รองเจ้าคณะภาค 17-18 (ธ) วัดบุรณศิริมาตยาราม พระราชวชิรเมธาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 17-18 (ธ) วัดดอนรัก พระราชบัณฑิต รองเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธ) วัดธาตุทอง พระราชวัชรภัทราจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระวินัยเวที พระอุดมสารโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเสนาสนาราม พระวชิรสุทธิโมลี เลขานุการเจ้าคณะภาค 17-18 (ธ) พระวชิรคณาภรณ์ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต รูปที่ 1 วัดบวรนิเวศ พระวชิรรัตนสุธี เลขานุการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต รูปที่ 2 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระพิสณห์วชิรากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม ประกอบพิธี
การประกอบพิธีครั้งนี้มีฆราวาสผู้ร่วมพิธีจำนวนมาก อาทิ นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติ ภาคีเครือข่าย และพุทธศาสนิกชน โดยมี นางดวงพร วิจิตรธนารักษ์ กรรมการฝ่ายบริหารโรงแรมเดอะรีเจนซีหาดใหญ่ ประธานอุปถัมภ์
โอกาสนี้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ชุดที่ 1 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ชุดที่ 2 นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ชุดที่ 3 เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล ผู้แทนฝ่ายคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายคณะสงฆ์จีน และฝ่ายคฤหัสถ์ เข้าถวายสักการะแด่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วอ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา จบแล้ว นำถวายแด่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ คณะเจ้าภาพทั้งหมดตัดหวายลูกนิมิต พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา – เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ พระสงฆ์ไทย 5 รูป เป็นประธานลงไปทักนิมิตที่ชั้นพื้นดิน (ใต้พระอุโบสถ) และมอบพระสงฆ์จีน 5 รูป ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี
จากนั้น เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และพระสงฆ์ไทย 21 รูป พร้อมด้วยพระสงฆ์จีน 5 รูป ขึ้นไปยังอุโบสถ ชั้นที่ 5 แล้วถวายพวงมาลัยสักการะบูชา แด่พระทักษิณนาณมหามุนี พระพุทธปฏิมาประธานอุโบสถวัดฉื่อฉาง แล้วจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย และกล่าวบทนมัสการจบแล้ว สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ หันหน้ามายังที่ชุมนุมสงฆ์สวดประกาศกรรมวาจาสมมติ สมานสังวาสสีมา และติจีวราวิปปวาสสีมา พระสงฆ์ประกาศชุมนุมเทวดา เจริญพระพุทธมนต์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวสัมโมทนียกถา ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ถวายไทยธรรมแด่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ คณะเจ้าภาพถวายไทยธรรมแด่พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนา เจ้าภาพ กรวดน้ำ รับพร เป็นอันเสร็จพิธี
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวสัมโมทนียกถา ความโดยสังเขปว่า วันนี้ “วัดฉื่อฉางถือว่าได้สำเร็จสมบูรณ์” ภายหลังจากสร้างมาเป็นระยะเวลา 20 ปีเศษ ซึ่งตั้งแต่วันนี้ วัดฉื่อฉางเป็นวัดที่สามารถทำสังฆกรรมได้หลาย ๆอย่าง ทั้งการบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรที่จะเข้ามาบรรพชาเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ในฝ่ายมหายานสังกัดจีนนิกาย แต่อย่างไรก็ตาม การที่เรามาช่วยกันสร้างวัดวาอารามก็ดี สร้างพระพุทธรูปก็ดีนี้ ถือว่าเป็นพุทธบูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระพุทธรูปนั้นก็เสมือนหนึ่งพระพุทธเจ้า การที่เรากราบไหว้พระพุทธรูปที่เราก่อสร้างขึ้น หล่อขึ้นนี้ ด้วยการส่งจิตใจของเรานั้นให้สัมฤทธิ์นึกถึงแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นึกถึงพระคุณของพระองค์ ทั้งพระเมตตาคุณ พระกรุณาคุณต่าง ๆ ที่ท่านทรงมีต่อพุทธบริษัท
“สถานที่แห่งนี้จะเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา ต่ออายุยืนยาวของพระพุทธศาสนาต่อไปตลอดกาลนาน เพราะจะเป็นที่สั่งสมบุญของชาวพุทธทั้งหลายที่มาร่วมนมัสการ มีใจมั่นคงในศรัทธาปสาทะ ความเลื่อมใสในหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเรานั้นเจริญรุ่งเรืองต่อไป เพราะพระพุทธศาสนาต้องการคนที่มาประพฤติปฏิบัติ โดยนำหลักธรรมคำสั่งสอนนั้นเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว และเมื่อเรามีหลักธรรมคำสั่งสอนนั้นเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว เป็นแผนที่ในการดำเนินชีวิต ชีวิตของเราก็จะเป็นชีวิตที่ดี ไปสู่ชีวิตที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป” สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวในช่วงท้าย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานวิสุงคามสีมา ให้แก่วัดฉื่อฉาง ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขนาดกว้าง 27 เมตร ยาว 41 เมตร และให้นายอำเภอท้องที่ปักหมายเขตให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานวิสุงคามสีมา ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยมี พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ตามบัญชีวัดที่ได้พระราชทานวิสุงคามสีมา งวดที่ 1 ประจำปี 2566 ลำดับที่ 45 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 140 ตอนพิเศษ 207ง วันที่ 29 สิงหาคม 2566
“วัดฉื่อฉาง เป็นวัดในศาสนาพุทธมหายานสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกาย ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เดิมเป็นศาลเจ้าขนาดเล็ก มีองค์เทพหลี่ว์ต้งปิน (หลื่อโจ้ว หนึ่งในแปดเซียน) เป็นเทพประธาน ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2479 โดยชาวจีนฮากกาที่เข้ามาทำการค้าขายในอำเภอหาดใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2480 ผู้สร้างได้มอบศาลเจ้านี้ให้กับหลวงจีนง้วยจง ซึ่งเป็นพระภิกษุจีนที่เดินทางจาริกมาจากประเทศจีนเพื่อยกฐานะจากศาลเจ้าให้เป็นวัดพุทธศาสนานิกายมหายาน ปัจจุบันมีพระคณาจารย์จีนวชิรธรรมาภรณ์ (เย็นเฮ้า) เป็นเจ้าอาวาส” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า โบสถ์หรืออุโบสถเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า หรือองค์พระประธาน เปรียบประดุจคันธกุฎีที่ประทับของพระธรรม เช่น การสวดพระปาติโมกข์ และเป็นที่กำเนิดพระสงฆ์ คือ เป็นที่ทำสังฆกรรมอุโบสถ ทำสังฆกรรมการบวชพระ ซึ่งบรรพบุรุษของไทยถือว่า “การสร้างโบสถ์เป็นบุญสูงสุด” ผู้ที่มีโอกาสได้สร้างโบสถ์ ถือว่าได้ทำบุญสูงสุดถวายทานสูงสุดในพระพุทธศาสนา โบสถ์ที่เกิดขึ้นที่วัดฉื่อฉางมีอายุนับร้อยปี นับตั้งแต่ปี 2479 ซึ่งมีลักษณะเป็นศาลเจ้า กระทั่งถึงปี 2539 จึงได้สร้างโบสถ์ขึ้นโดยสมบูรณ์ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวิสุงคามสีมา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างโบสถ์ให้สำเร็จ นั่นคือ “ลูกนิมิต” เพราะลูกนิมิตเป็นมงคลวัตถุที่กำหนดขอบเขตพื้นที่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งในพิธีครั้งนี้ มีเจ้าภาพลูกนิมิต รวม 18 ลูก และเจ้าภาพใบเสมา จำนวน 31 คณะ จึงขออนุโมทนาบุญกับคณะเจ้าภาพ ตลอดจนพี่น้องพุทธศาสนิกชนที่มุ่งมั่นตั้งใจเดินทางมาร่วมทำบุญในวันนี้ และร่วมทำบุญก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกท่านถือเป็นเจ้าภาพร่วม แม้มาทีหลังก็ได้บุญเฉกเช่นเดียวกัน เพราะทุกท่านได้ร่วมกันต่อบุญ และเป็นการทำบุญตามกำลังศรัทธา หากเราทำบุญด้วยศรัทธาแล้วไซร้ บุญก็จะเกิดกับใจของเราเองอันเป็นกุศล เป็นมงคลกับตัวท่านและครอบครัว จึงขออนุโมทนากับทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1823/2567 วันที่ 18 ก.ย. 2567