วันนี้ (25 ส.ค. 68) เวลา 08.45 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงโครงการสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุกเพื่อลดภาวะคลอดก่อนกำหนด ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร 4 ภาค (Kick Off 4 ภาค) “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ณ ห้องศรีจันทร์ 2 ชั้น 4 โรงแรมเจริญธานี อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น โดยมี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ธราธิป โคละทัต กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนทีปังกรนภัทรบุตร ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นพ.ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย นางบุณฑริก หิรัญบูรณะ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่าย เข้าร่วม โดยเป็นการถ่ายทอดผ่านระบบ Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์มหาสารคาม หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนคร และจังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และคณะทำงานระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรจากสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตลอดจนเครือข่ายด้านสาธารณสุข ร่วมรับฟัง
นายไกรสร กล่าวว่า โครงการสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุกเพื่อลดภาวะคลอดก่อนกำหนด ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตมนุษย์ เพราะ “การมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นสุดยอดปรารถนาของมนุษย์แต่ละผู้คน” ซึ่งการที่จะมีชีวิตที่ดีได้จุดเริ่มต้นก็ต้องดีด้วย จึงเป็นที่ชัดเจนว่า การคลอดก่อนกำหนดมีความสำคัญเพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาวด้วยการเริ่มต้นจากคุณภาพชีวิตที่ดี มีมาตรฐานตั้งแต่การตั้งครรภ์
“ตามหลักวิชาการสาธารณสุข อายุครรภ์มาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 40 สัปดาห์ และมารดามีช่วงอายุ 18 – 34 ปี แต่หากไม่เป็นเช่นนี้ ก็ต้องหมั่นไปปรึกษาแพทย์ และต้องฝากครรภ์ ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะคลอดก่อนกำหนดจะส่งผลให้เด็กมีปัญหาเรื่องการหายใจ การมองเห็น ระบบสมอง และกลไกต่าง ๆ ของร่างกาย คนที่เป็นพ่อเป็นแม่แค่เลี้ยงดูบุตรที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก็เหนื่อยแล้ว แต่หากครอบครัวใดมีบุตรที่เป็นเด็กพิเศษที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษมากกว่าเด็กปกติทั่วไปก็ต้องมีการดูแลที่มากขึ้น และหากวันใดที่พ่อหรือแม่จะต้องจากลูกไปก่อน แล้วลูกจะอยู่อย่างไร” นายไกรสร กล่าว
นายไกรสร ยังได้สะท้อนมุมมองที่น่าสนใจและน่าวิตกในปัจจุบันจากประสบการณ์การรับราชการในหลายพื้นที่ โดยกล่าวถึง ทารกที่บิดาและมารดาเป็นผู้เสพยาเสพติด สารพิษจากยาเสพติดก็จะเข้าไปสู่รก และส่งผลต่อระบบสมอง เมื่อคลอดออกมาก็จะกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวชจากการเสพยาเสพติด และก็จะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป หรือแม้แต่เด็กที่คลอดออกมา แล้วพ่อและแม่เป็นผู้เสพยา หรือใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้เสพยา เด็กก็จะกลายเป็นผู้เสพควันมือสองหรือมือสาม ซึ่งจากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นโดยชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรพื้นที่ต่าง ๆ ได้เคยนำแพมเพิสของเด็กมาตรวจหาสารเสพติดจากปัสสาวะ พบสารเคมีแสดงเป็นสีม่วง นั่นหมายความว่าเด็กเหล่านั้นคือผู้เสพยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง ถ้าเราไม่โกหกตัวเอง ตอนนี้ทุกจังหวัดต้องยอมรับว่าเรื่องยาเสพติดมันเยอะจริง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก เราต้องหาแนวทาง เพราะเด็กปกป้องสิทธิตัวเองไม่ได้ และไม่สามารถเดินหนีได้ ถ้าพ่อแม่แอบเสพ มันก็จะกระทบต่อเด็กโดยตรง เราต้องหาวิธีการดูแลเด็กกลุ่มนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ก็อยู่ในกระบวนการทางวิชาการทางสาธารณสุขที่เราขับเคลื่อนเต็มกำลังอยู่แล้ว
“ความร่วมมือของพวกเราจะประสบความสำเร็จถ้าเราทำให้ทรัพยากรมนุษย์ได้เกิดออกมาแล้วเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย “การขจัดทุกข์ สร้างสุข ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ส่งเสริมสุขภาพร่างกายทั้งแม่และลูกอย่างเต็มศักยภาพต่อไป” นายไกรสร กล่าวในช่วงท้าย
กระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตระหนักถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนโครงการสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุกเพื่อลดภาวะคลอดก่อนกำหนด ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อสนองพระราชประสงค์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของมารดาและทารก ลดความเสี่ยงและความสูญเสียจากภาวะคลอดก่อนกำหนด ซึ่งเป็นพันธกิจสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือและพลังศรัทธาของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนให้เป้าหมายลดภาวะคลอดก่อนกำหนดให้เหลือไม่เกินร้อยละ 8 ภายในปี 2570 สำเร็จขึ้นจริง และเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนกับประชาชน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 691/2568 วันที่ 25 ส.ค. 2568
