วานนี้ (8 ก.ย. 68) เวลา 10.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างการรับรู้และเผยแพร่พระอัจฉริยภาพทางด้านการยกระดับและพัฒนามรดกภูมิปัญญาผ้า และหัตถกรรมไทย ตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ครั้งที่ 2 จัดโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ณ โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา สงขลา อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา โดยมี นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายสามารถ สุวรรณมณี รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมผู้แทนจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงนิสิต นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาในพื้นที่ภาคใต้กว่า 200 คน
การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในวันนี้ ได้รับเกียรติจากคณะวิทยากรคณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ได้แก่ คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ดร. ศรินดา จามรมาน ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก อาจารย์ ดร.กรกลด คำสุข รองคณบดีฝ่ายวิชาการและรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักวิชาการสร้างสรรค์วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผศ.ดร.รวิเทพ มุสิกะปาน ประธานหลักสูตรแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่งวิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ นายภูภวิศ กฤตพลนารา ผู้ก่อตั้งและดีไซน์เนอร์แบรนด์ Issue นายธนาวุฒิ ธนสารวิมล ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ TANDT อาจารย์ ดร.กิติศักดิ์ เยาวนานนท์ รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนากายภาพ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการแบ่งเบาพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหัตถกรรมไทยให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยั่งยืน โดยพระราชทานแนวพระดำริการผสมผสานระหว่างศิลปะงานผ้าที่มีความเป็นอัตลักษณ์ในแต่ละภูมิภาคกับมุมมองด้านแฟชั่นร่วมสมัย ผ่านโครงการพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปะหัตถกรรมไทย มาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ให้เหมาะสมในโอกาสต่าง ๆ เป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัย สร้างอาชีพ สร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนและกลุ่มผู้ผลิตผ้า ส่งเสริมและกระตุ้นการรังสรรค์ผ้าไทย ให้มีความทันสมัยเป็นสากลอยู่เสมอ พร้อมพระราชทานแบบลายผ้าพระราชทานหลากหลายลวดลาย อาทิ ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ผ้าบาติกลายพระราชทานลายต่าง ๆ ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา ผ้าลายดอกรักราชกัญญา ผ้าลายสิริวชิราภรณ์ และล่าสุดผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์
นอกจากนี้ พระองค์ได้พระราชทานแนวพระดำริ “Sustainable Fashion แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” และพระราชทานเครื่องหมายให้กับผลงานการออกแบบผ้าและงานหัตถกรรมแก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถกรรม ผู้ผลิต และผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ผืนผ้า และหัตถกรรมด้วยขั้นตอนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงสายพระเนตรอันยาวไกล ที่ทรงปรารถนาให้กลุ่มผู้ผลิตผ้าต้องให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัย และไม่เกิดโทษแก่ร่างกาย รวมถึงพระราชทานพระดำริ “Sustainable Village หมู่บ้านยั่งยืน” เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยตลอดจนภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันส่งเสริมการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ทั้งการปลูกพืชผักสวนครัวตามโครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง การบริหารจัดการขยะ Reuse Reduce Recycle โดยมีตัวอย่างความสำเร็จที่สำคัญ คือที่จังหวัดลำพูน ซึ่งได้มีการพัฒนากระบวนการขั้นตอนการผลิตผ้ายกดอกจากเดิมใช้สีเคมีปรับเปลี่ยนเป็นใช้สีธรรมชาติ และหมู่บ้านชุมชนต่าง ๆ มีการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ปลูกผัก เลี้ยงไก่ มีการคัดแยกขยะ ประกาศเป็นจังหวัดสะอาด No Foam เป็นต้น
ในด้านวิชาการและการเสริมสร้างให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องอย่างยั่งยืน พระองค์ได้พระราชทานแนวทางการขับเคลื่อนงานศิลปะและหัตถกรรมที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะในแต่ละพื้นที่ให้เข้าสู่กระบวนการทางวิชาการ มีการศึกษาเรียนรู้ จดจารจารึก และสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้เป็นต้นแบบสู่การสร้างสรรค์ผลงานด้านผ้าและหัตถกรรม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทรงเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือ “Thai Textiles Trend Book” โดยล่าสุด ได้จัดทำเป็นเล่มที่ 6 รวมถึงโปรดให้คณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้า ด้านแฟชั่นดีไซน์ ด้านการใช้สีธรรมชาติ ออกแบบตัดเย็บ ได้ลงไปให้ความรู้กับช่างทอผ้าและผู้ประกอบการ มีตัวอย่างความสำเร็จเกิดเป็นรูปธรรม อาทิ ดอนกอยโมเดล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร และนาหว้าโมเดล อ.นาหว้า จ.นครพนม จึงเป็นที่มาของการที่กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำสมุดภาพประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ๓๙ พรรษา “สิริวัณณวรีนารีรัตนราชพัสตราภรณ์ : แรงบันดาลใจแห่งการสร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถศิลป์ไทยร่วมสมัย” ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และเพื่อเผยแพร่พระวิสัยทัศน์ พระกรณียกิจ และพระอัจอริยภาพของพระองค์ท่าน โดยเฉพาะด้านการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการฟื้นฟูมรดกภูมิปัญญาผ้าไทย รวมทั้งพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบสิ่งทอและแพชั่นที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานหัตถกรรมไทยให้ก้าวสู่เวทีระดับสากล ให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งในมิติของการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย และการสร้างพลังชุมชนให้เข้มแข็ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพระกรณียกิจทั้งปวงนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตานานาประเทศทั่วโลก องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศเชิดชูพระเกียรติและทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญสดุดีพระกรณียกิจด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม การส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568
กิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่น้อง ๆ เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นปัจจุบันและอนาคตของประเทศชาติจะได้ร่วมกันในการเป็นกำลังสำคัญด้านการอนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้คงอยู่เป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ จะได้เรียนรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบงานผ้า จนอาจสามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ดี ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการธำรงรักษาชาติไทยให้คงความเป็นชาติ เพราะมีวัฒนธรรมไทย มีหัตถกรรมไทย และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องคงอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทยไปตราบนานเท่านาน
ด้าน นายโชตินรินทร์ กล่าวว่า ภูมิปัญญาการทอผ้าภาคใต้มีความหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นสูง เกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นกับอิทธิพลจากภายนอก โดยมีทั้งการทอผ้าพื้น ผ้าจก ผ้าขิด และผ้ายกดอก ซึ่งมีการใช้วัตถุดิบธรรมชาติและกรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อน เช่น ผ้าทอเกาะยอ ผ้าลายดอกพิกุล ผ้าทอแพรกหา และผ้าไหมพุมเรียง ซึ่งแต่ละลวดลายแต่ละชิ้นงานล้วนมีความประณีต งดงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีการสืบทอดความรู้จากบรรพบุรุษในครัวเรือน และพัฒนาลวดลายที่หลากหลายสะท้อนภูมิปัญญาการทอผ้าที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีที่งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศและท้องถิ่น
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 742/2568 วันที่ 9 ก.ย. 2568
