วันนี้ (20 พ.ย. 68) เวลา 09.35 น. ที่เชิงสะพานเม็งรายอนุสรณ์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานสักขีพยานและแสดงความยินดีพิธีส่งมอบโครงการเพิ่มศักยภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันอุทกภัยเมืองเชียงใหม่ ระยะเร่งด่วน โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนและสื่อมวลชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้เดินทางมาเป็นสักขีพยานพิธีส่งมอบโครงการเพิ่มศักยภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันอุทกภัยเมืองเชียงใหม่ ระยะเร่งด่วน ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาอุทกภัยในเขตเมืองเชียงใหม่ได้สร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของจังหวัดอย่างมหาศาล โครงการนี้จึงมิใช่เพียงแค่การขุดลอก หรือขนดินจากลำน้ำ แต่เป็นการกำจัดปัญหาที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เป็นการคืนความสุขให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
“ขอบคุณหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมชลประทาน จังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง ทำให้โครงการเดินหน้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของภาครัฐ กองทัพ และท้องถิ่น รวมพลังกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนา และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งโครงการนี้จะเพิ่มความจุของแม่น้ำ ทำให้ลำน้ำลึกขึ้น กว้างขึ้น รับน้ำหลากได้มากขึ้น และช่วยลดโอกาสน้ำล้นตลิ่งในเขตเมือง ซึ่งเป็นการบรรเทาอุทกภัยเมืองเชียงใหม่ และยังสร้างความมั่นคงในฤดูแล้ง เพราะกักเก็บน้ำได้มากขึ้น ชุมชนมีน้ำเพียงพอในช่วงน้ำแล้ง ทั้งการบริโภค อุปโภค และยังมีทรายปริมาณมากเอาไปใช้ประโยชน์ ลดงบประมาณภาครัฐ“
นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการต่อเนื่องใน 2 ประเด็น คือ 1. บำรุงรักษาให้ต่อเนื่อง และ 2. บริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดำเนินการป้องกันสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อทำให้น้ำไหลจากเหนือไปใต้อย่างเป็นระบบ และรัฐบาลจะเดินหน้าสนับสนุนแผนงานระยะต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารจัดการน้ำให้เกิดความสมบูรณ์และยั่งยืนทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ และครอบคลุมทั่วทั้งลุ่มน้ำปิงต่อไป เราต้องช่วยกันดูแลรักษาแม่น้ำให้เป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต ความเจริญ และความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ตลอดจนพี่น้องประชาชนผู้มีวิถีชีวิตคู่กับลำน้ำปิงอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
ผบ.สส. กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียง ต้องพบซ้ำซากและรุนแรงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแม่น้ำตื้นเขิน และการสะสมของตะกอนเป็นเวลานาน ทำให้ความจุของแม่น้ำลดลงมาก รวมถึงสิ่งปลูกสร้างและด้านต่าง ๆ รัฐบาลได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำโครงการนี้เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและยั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ ขจัดดินตะกอนและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพิ่มความลึกและความกว้างของแม่น้ำปิงให้สามารถรองรับน้ำในฤดูน้ำหลากและฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาน้ำท่วมเขตเมือง ป้องกันทรัพย์สินในเขตเมืองของจังหวัด และทำให้กักเก็บน้ำได้มากขึ้นในฤดูแล้งเพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศ การดำเนินการแบ่งออกเป็น 5 ตอน ครอบคลุมระยะทางรวมกว่า 41 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่ ต.สันโป่ง อ.แม่ริม ไปจนถึง ต.สบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 2568 รวมระยะเวลาดำเนินงาน 120 วัน โดยมีปริมาณดินที่ขุดได้มากกว่า 1,700,000 ลูกบาศก์เมตร
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยใหญ่เมื่อเดือนกันยายน – ตุลาคม 2567 ก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างทั้งชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ภาคเกษตร รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจึงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน โดยสำนักงานพัฒนา ภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ปภ.จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานเชียงใหม่ ร่วมขุดลอกแม่น้ำปิง ส่งผลให้ปี 68 แม้เชียงใหม่ได้รับอิทธิพลพายุหลายลูกและมีฝนตกหนักในพื้นที่ “แม่น้ำปิงมีศักยภาพในการรองรับน้ำ” และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวในการใช้ชีวิตและท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุข
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 954/2568 วันที่ 20 พ.ย. 2568
