วันนี้ (8 ธ.ค. 68) เวลา 11.00 น. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคกลาง โดยมี นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ขั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และทาง Video Conference
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นในหลายพื้นที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นวงกว้าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงมีข้อห่วงใยในสุขภาพพี่น้องประชาชน และสั่งการให้มีดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นอย่างเร่งด่วนร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ ตลอดจนเน้นย้ำมาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหาในทุกมิติอย่างเข้มข้น จริงจัง ต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน
“สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ จะต้องมีการยกระดับการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นให้รวดเร็วและทั่วถึง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต้องบูรณาการข้อมูลร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา และ GISTDA เพื่อเฝ้าระวังและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าค่าฝุ่นละอองอยู่ในระดับอันตราย ให้ดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนผ่านระบบ Cell Broadcast ในทันที เพื่อให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยได้ทันท่วงที” นายศักดิ์ดา กล่าว
นายศักดิ์ดา ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยกระดับการปฏิบัติการโดยใช้ระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Single Command เข้าควบคุมสถานการณ์ อำนวยการ และสั่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มากไปกว่านั้นจะต้องใช้กลไกท้องถิ่น ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข เดินเท้า “เคาะประตูบ้าน” เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจและป้องปรามการลักลอบเผาขยะหรือเศษวัสดุทางการเกษตร รวมถึงให้เข้มงวดการตรวจสอบควันดำ การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่เมือง โดยต้องมีการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การบริหารจัดการฝุ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายศักดิ์ดา กล่าวเน้นย้ำในช่วงท้ายว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงกันในวงกว้าง ครอบคลุมหลายจังหวัดและคาบเกี่ยวในแต่ละภูมิภาค การเกิดจุดความร้อนหรือการเผาในจุดหนึ่ง ย่อมส่งผลต่อคุณภาพอากาศของพื้นที่ใกล้เคียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงไม่สามารถต่างคนต่างทำได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือและการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างจังหวัด เพื่อให้การบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ลดการเกิดฝุ่นละอองที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนมากที่สุด
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1044/2568 วันที่ 8 ธ.ค. 2568
