วันนี้ (17 ม.ค.63) ที่กระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 23 – 25 มกราคม 2563 เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ตามประเพณีปฏิบัติของชาวไทยเชื้ อสายจีน ซึ่งจะมีการสักการะบูชาสิ่งศั กดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษ ด้วยการจุดธูปเทียนบูชา เซ่นไหว้ เผากระดาษเงิน กระดาษทอง และจุดประทัดตามศาลเจ้า อาคารในย่านธุรกิจ บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย และบางพื้นที่อาจมีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง จัดงานเฉลิมฉลอง อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอัคคีภั ยและอุบัติภัยขนาดใหญ่ได้ รวมถึงเทศกาลตรุษจีนยังเป็นช่ วงวันหยุดพักผ่อนของชาวไทยเชื้ อสายจีน จึงมักจะมีการเดินทางไปท่องเที่ ยวยังสถานที่ต่าง ๆ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ จากการจราจรทั้งทางบก และทางน้ำ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรั พย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกั นและเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภั ยและอุบัติเหตุจากการจราจรที่ อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลดังกล่ าว จึงได้สั่งการไปยั งกองอำนวยการป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุ กจังหวัดและกรุงเทพมหานครดำเนิ นมาตรการ 3 ด้าน คือ 1) มาตรการด้านการเตรียมความพร้อม โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของกรุงเทพมหานคร สำรวจ ตรวจสอบ ปรับปรุงแผนเผชิญเหตุอัคคีภัย ในจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ ยวทางน้ำ จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับทะเล เข้มงวดตรวจตราอาคารสถานที่ โป๊ะ ท่าเทียบเรือโดยสารที่มีสภาพไม่ มั่นคงแข็งแรงที่อาจก่อให้เกิ ดสาธารณภัยได้โดยง่าย และให้เตรียมความพร้อมด้านบุ คลากร อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ระบบสื่อสาร ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภั ยพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดเจ้าหน้าที่ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนจิตอาสา ร่วมเฝ้าระวังสถานที่ และกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิ ดอัคคีภัย เช่น การจุดประทัด ดอกไม้เพลิง ร่วมตรวจสอบความปลอดภัยเรื อโดยสาร โป๊ะ ท่าเทียบเรือโดยสาร สถานที่ริมน้ำ และเส้นทางคมนาคมทางน้ำ ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอั นตราย และจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้ อมอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์กู้ภัยและไฟฟ้าส่องสว่ างเตรียมความพร้อมในพื้นที่ หรือชุมชนแออัดที่มีความเสี่ ยงภัย พร้อมปฏิบัติงานได้ในทันทีที่ เกิดภัย และให้จัดระเบี ยบการจราจรและอำนวยความสะดวกด้ านการจราจร พร้อมทั้งรักษาความสงบเรียบร้อย และเฝ้าระวังความปลอดภัยบริ เวณที่มีประชาชนหนาแน่น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจั ดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจี นและสถานที่ท่องเที่ยว 2) มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพั นธ์ ให้ทุกจังหวัดสร้างการรับรู้ให้ ประชาชนทราบถึงแนวทางปฏิบัติ ตนในการป้องกันและระงับอัคคีภั ยเบื้องต้น รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนเพิ่ มความระมัดระวังเป็นพิ เศษในการจุดธูปเทียนบูชา เซ่นไหว้ เผากระดาษเงิน กระดาษทอง ตลอดจนการจุดประทัด ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยง่าย และสร้างความตระหนักถึงภัยอั นตราย และบทลงโทษทางกฎหมายกรณี การกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อชี วิตและทรัพย์สิน และ 3) มาตรการด้านกฎหมาย โดยกำชับให้ผู้อำนวยการ และผู้ช่วยผู้อำนวยการกรุ งเทพมหานครในเขตพื้นที่ที่รับผิ ดชอบจัดเจ้าหน้าที่-เจ้าพนักงาน ออกเฝ้าระวัง ตรวจตรา อาคารบ้านเรือน พื้นที่ชุมชน สถานประกอบการ และสถานบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่มี การจัดงานเฉลิมฉลอง และมีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง โดยประสานการปฏิบัติกับเจ้าพนั กงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้ องโดยเคร่งครัด รวมถึงให้กำชับเจ้าหน้าที่ดำเนิ นการตามมาตรการความปลอดภั ยทางถนนในการดำเนินการกับผู้ กระทำผิดอย่างเคร่งครัด โดยให้พิจารณาจัดให้มีจุ ดตรวจตามจุดที่มีความเสี่ยงต่ อการเกิดอุบัติเหตุตามสภาพพื้ นที่
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมีความห่ วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภั ยของพี่น้องประชาชนในช่ วงเทศกาลตรุษจีน จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมั ดระวังการเผากระดาษและจุดธูปเที ยนในช่วงประกอบพิธีเซ่นไหว้ บรรพบุรุษ รวมทั้งขอความร่วมมือให้ร่วมกั นสอดส่องดูแลอาคารบ้านเรือน ชุมชน และจุดที่มีความเสี่ยงจะเกิดอั คคีภัยและอุบัติเหตุ โดยสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่ วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง.
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 9/2563 วันที่ 17 ม.ค. 2563
