บกปภ.ช. ประชุมบูรณาการทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
เน้นการปฏิบัติและฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ครบถ้วน ทั่วถึง
วันนี้ (23 ก.ย. 62) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. (ศอญ.จอส.904 วปร.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานวิชาการและการบริหารจัดการจัดการน้ำ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมประชุม
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและกำชับให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามกฎหมาย และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือประชาชนในมิติต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชกระแสรับสั่งให้หน่วยราชการทุกหน่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติโดยเร็วที่สุด โดยให้บูรณาการการปฏิบัติ และน้อมนำแนวทางพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 มาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่ และได้พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งเพิ่มเติมในเรื่องการปฏิบัติ ให้มีแผนปฏิบัติและแผนเผชิญเหตุในภาพรวม และให้สำรวจรวบรวมความเสียหาย ประมาณการและต่อยอดสิ่งใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้ทำ รวมทั้งเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 62 ที่ผ่านมา ได้พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งเพิ่มเติม โดยให้หน่วยงานราชการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง และให้มีการแบ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ บูรณาการ มอบพื้นที่รับผิดชอบ และให้วิเคราะห์ทั้งปริมาณงาน ภูมิประเทศและสถานการณ์ของพื้นที่ โดยผูกโยงภาพรวมต่อเนื่อง รวมทั้งต้องมีการแถลงข่าวให้ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนได้ทราบ เพื่อจะได้ติดตามและเตรียมการสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ มีการประกาศพื้นที่ประสบภัย 32 จังหวัด ซึ่งมี 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ และศรีสะเกษ ยังคงประสบภัยในขณะนี้ ส่วนจังหวัดที่เหลือ 28 จังหวัด อยู่ในขั้นฟื้นฟู โดยสิ่งที่มุ่งหวังให้หน่วยพื้นที่ได้ทราบ คือ แนวทางแก้ปัญหาของแต่ละกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง การปฏิบัติในช่วงเกิดสถานการณ์และการฟื้นฟูหลังจากน้ำลดแล้ว จะเข้าไปฟื้นฟูดูแลประชาชนอย่างไร โดยมุ่งหวังดูแลประชาชนอย่างไรให้ได้รับการฟื้นฟูเร็วที่สุด ทั้งด้านที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากิน และแนวทางการประกอบอาชีพ
พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ กล่าวว่า ศอญ. ได้ระดมจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยทั้งด้านอาหาร เครื่องดื่ม และที่อยู่อาศัย โดยเตรียมกำลังพลจิตอาสาสนับสนุนการดำเนินงานเมื่อได้รับการประสานจากทุกหน่วยงาน
จากนั้น ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รายงาน โดยมีสาระสำคัญ อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำ สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ การแจกจ่ายอาหารสัตว์ ดูแลสุขภาพสัตว์ และลงพื้นที่ดูแลเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยจะเร่งการฟื้นฟู ซ่อม สร้าง พื้นที่เสียหาย ซึ่งเกษตรกรสามารถแจ้งความเสียหายและขอรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทุกแห่ง โดยภายใน 7 วัน กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งรายงานไปยังอำเภอและจังหวัดเพื่อโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร็ว ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ โดยกักเก็บน้ำไม่ให้ไหลลงมาตอนล่าง และทำการหน่วงน้ำในตอนบนและในช่วงตอนปลาย และเร่งการระบายด้วยเครื่องผลักดันน้ำซึ่งได้ติดตั้งในทุกพื้นที่ และในด้านการฟื้นฟู จะใช้เวลาในการสำรวจความเสียหาย 7-10 วัน และเร่งดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมต่อไป สำหรับการเตรียมการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย จะทำการเสนอรัฐบาลส่งเสริมการปลูกพืชระยะสั้นให้เกษตรกรได้มีอาชีพ เช่น การแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวและเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด รวมถึงการจัดหาโคกระบือพร้อมประกันโคกระบือให้แก่เกษตรกร และได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) พิจารณาลดดอกเบี้ยสำหรับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ได้เตรียมการช่วยเหลือด้านการแก้ไขพัฒนาคุณภาพดินหลังน้ำลด
ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมสถานที่พักพิงชั่วคราวกรณีเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ได้จัดตั้ง “ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน” ดูแลอำนวยความสะดวกการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่น ๆ โดยทีมบุคลากร และนักศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและกศน. ในด้านการเรียนการสอนได้เตรียมการสอนชดเชยให้แก่นักเรียนในช่วงหยุดเรียนจากอุทกภัย
ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ดำเนินการเฝ้าระวังโรคติดต่อในสถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ โรคฉี่หนู โรคไข้เลือดออก รวมทั้งให้ความรู้ด้านการใช้ชีวิต การให้คำปรึกษาคลายเครียด โดยจัดทีมแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ให้คำปรึกษาประชาชน
ผู้แทนกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขด้านการคมนาคมสัญจรไว้ 3 ระยะ คือ 1) ระยะเร่งด่วนฉุกเฉิน ต้องดำเนินการภายใน 7 วัน เพื่อให้ถนนทั้งทางหลวง และทางหลวงชนบท และสะพานใช้การได้ และประชาสัมพันธ์เส้นทางให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทราบ 2) ขั้นการสำรวจความเสียหาย และ 3) การฟื้นฟู ต้องเร่งฟื้นฟูต่อไป นอกจากนี้ ได้ตั้งศูนย์ความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใน 23 จังหวัดอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ครอบคลุม 4 ด้าน คือ ด้านชีวิต ที่อยู่อาศัย อาชีพ และสาธารณประโยชน์ พบว่ามีครัวเรือนได้รับผลกระทบกว่า 200,000 ครัวเรือน โดยจะร่วมกับฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
ผู้แทนกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม ได้จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ของทุกเหล่าทัพให้ความช่วยเหลือประชาชนและให้การสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่และองค์กรการกุศล อาทิ การอพยพประชาชน การค้นหาผู้สูญหาย ตั้งโรงครัวพระราชทาน ติดตั้งเรือผลักดันน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ทำการสำรวจและจัดเตรียมทหารช่างในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และกรณีต้องสนับสนุนเครื่องมือพิเศษ ตามที่ได้รับการร้องขอ
ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดกำลังพล จำนวน 15,611 นาย ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือดูแลและป้องกันเหตุในพื้นที่ ครอบคลุมภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งการป้องกันอาชญากรรม การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล และสนับสนุนยานพาหนะ เป็นต้น
ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้กำหนดมาตรการเพื่อผู้ประกอบการ อาทิ การลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ พักชำระหนี้ การช่วยเหลือฟื้นฟูโรงงาน เครื่องจักรอุตสาหกรรม การประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ลงพื้นที่อำนวยความสะดวกเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ฟรี เป็นต้น
ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการทยอยจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ที่น้ำลดแล้ว และยังคงตัดกระแสไฟฟ้าในพื้นที่น้ำท่วมขัง และหลังจากน้ำลด จะได้เร่งระดมทีมช่างในพื้นที่ทั้งหมดและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมระบบไฟฟ้าสาธารณะ และอาคารบ้านเรือนประชาชนต่อไป
ผู้แทนการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวว่า ขณะนี้ทุกพื้นที่มีการจ่ายน้ำเป็นปกติแล้ว โดยยังมีการเฝ้าระวังในพื้นที่ยโสธรและอุบลราชธานี และจะได้เร่งสำรวจแก้ไขระบบน้ำประปาหลังจากน้ำลดต่อไป
ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีแนวทางการช่วยเหลือประชาชนจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ดังนี้ (1) กรณีเสียชีวิต จ่ายเงินช่วยเหลือทายาท รายละ 50,000 บาท จำนวน 35 ราย จะจ่ายแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2562 (2) กรณีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จ่ายเงินช่วยเหลือค่าวัสดุซ่อมสร้างบ้าน กรณีทั้งหลัง หลังละไม่เกิน 230,000 บาท เสียหายมาก หลังละไม่เกิน 70,000 บาท และเสียหายเล็กน้อย หลังละไม่เกิน 15,000 บาท โดยจะจ่ายหลังน้ำลด
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเน้นย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย เร่งรัดในการระบายน้ำให้หมด เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ฝนที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในช่วงปลายเดือน ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่างฟื้นฟู ขอให้เร่งสำรวจความเสียหายและความต้องการของประชาชน รวมถึงซ่อมแซมบ้านเรือนให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว สำหรับใน 4 จังหวัด ที่ยังเกิดอุทกภัยให้ดูแลพี่น้องประชาชนในทุกด้าน เช่น พื้นที่พักพิง อาหาร สุขา และยารักษาโรคต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ทั่วถึงทุกพื้นที่และให้มีการสร้างการรับรู้กับประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น หอกระจายข่าวในหมู่บ้าน/ชุมชน ให้ประชาชนรับรู้ถึงมาตรการและความช่วยเหลือของรัฐบาลที่จะคลายความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด
สุดท้าย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ขอให้เร่งช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับเข้าบ้านตนเองเร็วที่สุด และให้ทุกหน่วยงานน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ รวมทั้งให้ บกปภ.ช. ติดตามแนวโน้มและกำหนดแนวทางตามแผนเผชิญเหตุให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด 28 จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เร่งสำรวจความเสียหายและผลกระทบของประชาชน ทั้งด้านชีวิต ที่อยู่อาศัย การประกอบอาชีพ โครงสร้างพื้นฐาน พร้อมบูรณาการหน่วยงานกำหนดแนวทางการช่วยเหลือประชาชนร่วมกันไม่ให้ซ้ำซ้อน และให้เตรียมการป้องกันเหตุกรณีอาจเกิดพายุฝนตกหนักซ้ำอีก โดยเฉพาะการแจ้งเตือนและสร้างการรับรู้กับประชาชน ขอให้เตรียมการล่วงหน้า และเร่งรายงานความเสียหายมายังกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 159/2562
วันที่ 23 ก.ย. 2562
