วันนี้ (9 ธ.ค. 68) เวลา 08.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) “HERO OF THE TRUTH ร่วมหยุดคอร์รัปชัน” ณ ฮอลล์ 4 อาคารศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี
โดยมี คณะรัฐมนตรี ประธานและคณะกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. นายอำนาจ พวงชมภู ประธานกรรมการ ป.ป.ท. นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายมานะ นิมิตมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) พร้อมด้วยอธิบดีกรมและหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เป็นวันที่ประชาคมโลกแสดงจุดยืนร่วมกันในการขจัดการทุจริตในทุกรูปแบบ เพราะการทุจริตเป็นปัญหาที่บั่นทอนความเชื่อมั่น ทำลายโอกาสการพัฒนา และลดทอนคุณภาพชีวิตของประชาชน ในฐานะนายกรัฐมนตรีขอประกาศเจตจำนงอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจะยืนหยัดต่อสู้กับการทุจริตอย่างเด็ดขาด ไม่ลังเล ไม่ประนีประนอม ไม่ผ่อนปรน ไม่มีข้อยกเว้นให้กับผู้ที่บ่อนทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ และพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคมที่โปร่งใสและเป็นธรรม
ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านความโปร่งใสที่ส่งผลกระทบต่อศรัทธาของประชาชนและความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยดัชนีชี้วัดสำคัญอย่าง “ดัชนีการรับรู้การทุจริตหรือคอร์รัปชัน” (Corruption Perception Index : CPI) ปี 2567 ประเทศเดนมาร์กมีคะแนนสูงถึง 90 คะแนน เป็นอันดับ 1 ของโลก ประเทศสิงคโปร์ได้ 84 คะแนน เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก ส่วนประเทศไทยของเรานั้นได้ 34 คะแนน ลำดับที่ 107 ของโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศของเรายังมีช่องโหว่ที่จะต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง
“รัฐบาลนี้จะไม่เพียงแก้ไข แต่จะมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสของประเทศให้สูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ไม่เพียงเพื่อทำให้อันดับ CPI ดีขึ้นในเวทีโลก แต่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถสร้างระบบรัฐที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยืนอยู่บนหลักธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง เพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้าในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และมีความเข้มแข็ง เสถียรภาพตามหลักนิติธรรม ด้วยระบบธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและชาวต่างชาติ” นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติม
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ ตนขอมอบนโยบายสำคัญตามที่ได้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรีและส่วนราชการ คือต้องเสริมสร้างระบบการป้องกันทุจริตให้รัดกุม การป้องกันทุจริตในรูปแบบเชิงรุก โครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมากต้องผ่านการประเมินความเสี่ยง ต้องสร้างระบบตรวจสอบภายในที่เข้มข้น ไม่ใช่ทำตามรูปแบบแต่ต้องเห็นผลจริง ให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริการภาครัฐ ต้องมีการลดขั้นตอนการบริการประชาชนที่จำเป็น เพิ่มระบบ E-Service และ One Stop Service ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวกับการป้องกันทุจริตและประพฤติมิชอบ สร้างความโปร่งใส ลดการใช้อำนาจดุลพินิจ และลดปัจจัยที่เปิดช่องให้เกิดการแทรกแซง พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โปร่งใส และเสมอภาค ผู้ใดทุจริตต้องรับผิด ผู้เอื้อประโยชน์ต้องถูกตรวจสอบและรับผิด หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้เกิดการทุจริต ไม่มีการละเว้น ไม่มีอภิสิทธิ์ ไม่ว่าตำแหน่งใด ส่วนผู้ใดที่ไม่มีการทุจริต รัฐบาลต้องมีการปกป้องคุ้มครองและสนับสนุนให้มีการก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างเต็มที่ จะต้องมีการเสริมสร้างวัฒนธรรมซื่อสัตย์สุจริตในสังคมไทย ปลูกฝัง 7 สำนึกด้านจริยธรรมและความโปร่งใสตั้งแต่ในสถานศึกษาและหน่วยงานรัฐ ให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์สุจริต ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน เฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการทุจริต รวมทั้งการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสอย่างจริงจัง เพื่อให้คนทำถูกมีความปลอดภัย มีที่ยืนที่มั่นคง
การป้องกันและปราบปรามการทุจริตต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เชื่อมั่นว่าสำนักงาน ป.ป.ช. ฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ภาคประชาสังคม จะบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อป้องกัน ปราบปราม และลดความเสี่ยงต่อการทุจริต จึงขอให้ทุกหน่วยงานตั้งเป้ายกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตหรือ CPI ด้วยการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเพิ่มคะแนน CPI ซึ่งรัฐบาลจะติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เป้าหมายเพื่อประเทศไทยที่โปร่งใสน่าเชื่อถือและมีอนาคตที่มั่นคงสำหรับลูกหลานของเรา
“ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของประเทศไทย วันนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เราได้มาร่วมกันแสดงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริต เพื่อปลุกกระแสสังคมและจุดยืนของคนไทยว่าเราไม่ทำ ไม่ทน และไม่เฉยต่อการทุจริตต่อไป และร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตพร้อมกัน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและเป็นสิ่งที่ต้องพึงปฏิบัติต่อไป” นายอนุทิน กล่าวในช่วงท้าย
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้กำหนดจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ขึ้นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการประกาศเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริต ร่วมกันแสดงพลังของคนไทยและทุกภาคส่วนในการตื่นรู้และมีวัฒนธรรมการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนความซื่อสัตย์สุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1048/2568 วันที่ 9 ธ.ค. 2568
