วันนี้ (19 พ.ย. 2564) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 กรมที่ดิน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่แก่กรมที่ดิน โดยมีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมที่ดิน หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดิน เข้าร่วมการประชุม และมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบเครือข่าย (Web Conference) ให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด/สาขา/ส่วนแยก ทั่วประเทศ เข้าร่วมรับฟังการมอบนโยบายการปฏิบัติราชการดังกล่าวด้วย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่กรมที่ดินในวันนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมที่ดินทุกคนที่ให้เกียรติต้อนรับ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการเข้าตรวจเยี่ยมและพบปะกับทุกท่านในวันนี้ มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ ก็คือ เพื่อเข้ารับฟังการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน เพื่อมาทำความรู้จัก เห็นหน้าค่าตา และพบปะหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการกับทุกท่าน และเพื่อขอความร่วมมือและแสดงความขอบคุณในการปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกรมที่ดินนี้ ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จและการันตีถึงคุณภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดีแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ขอเพิ่มเติมในส่วนภารกิจหลักของหน่วยงาน แต่จะขอเสริมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสวมใส่ผ้าไทย และการสร้างความมั่นคงด้านอาหารด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชนคนไทยในวงกว้าง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความเป็นชาตินิยมหรือหลงตัวเองแต่อย่างใด แต่เป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของคนไทย ทั้งยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ และมีส่วนในการขับเคลื่อนวงจรเศรษฐกิจทุกระดับ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ อันจะส่งผลต่อการ Change for Good ให้แก่คนรอบข้าง ซึ่งจะกลายมาเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตามให้กับพี่น้องประชาชนต่อไปด้วย
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้กรมที่ดินจัดหาที่ดินเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาความยากจนตามนโยบายของรัฐบาล โดยการหาพื้นที่ว่างจากการใช้ประโยชน์นำมาปรับปรุงและจัดทำเป็นพื้นที่ โคก หนอง นา ส่วนกลาง เพื่อให้ผู้ยากไร้ ผู้ต้องโทษที่ผ่านการฝึกอบรมโครงการพระราชทานฯ โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวังของกรมราชทัณฑ์ และกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาหรืออาชีวะที่ครอบครัวมีรายได้น้อย ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันจากพื้นที่ดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินช่วยอุดหนุนผลผลิตทางเกษตรที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาอุปโภคบริโภคเอง หรือขายต่อยังท้องตลาด ซึ่งการดำเนินงานที่ว่านี้จะเป็นการขยายแนวพระราชดำริในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักทฤษฎีใหม่โคก หนอง นา โมเดล ประยุกต์สู่กรมที่ดิน พร้อมกันนี้ให้มีการนำเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงาน (e-Services) มาปรับใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่ดินโคก หนอง นา ที่ในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 50,000 แปลง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้แก่ประชาชน และเชื่อว่า “โคก หนอง นา” จะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก น้ำแล้งซ้ำซาก และยังถือเป็นทางรอดหนึ่งของประเทศไทยท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลกและปัญหาความยากจน อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้คนไทยได้ “พออยู่ พอกิน พอใช้” มีความสุขในที่ดินตามอัตภาพ และสามารถรักษาที่ทำกินของตัวเองเอาไว้ได้
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ก็คือ การสำรวจเพื่อออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน ซึ่งจะทำให้เกิดกรรมสิทธิ์เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งภารกิจในส่วนนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) ด้านการขจัดความยากจน และการขจัดความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร จึงขอกำชับให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภารกิจตามเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ อีกทั้งเรื่องของการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินนั้นยังสามารถช่วยให้ประชาชนมีที่ทำกิน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย
จากนั้น นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ได้เปิดเผยถึงการดำเนินงานที่สำคัญของกรมที่ดิน ผ่านภารกิจต่างๆ ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น 1.การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน 2.การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) 3.การจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนที่ยากจน 4.การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์และให้คำปรึกษาด้านที่ดินกับประชาชน 5.การยื่นรังวัดโปร่งใส นัด 50 วัน 6.การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง 7.การบริการจัดการคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 8.การบอกดินหรือแจ้งตำแหน่งที่ดิน 9.การก่อสร้างอาคารศูนย์สารสนเทศ กรมที่ดิน และอาคารฝึกอบรม ณ สถาบันพัฒนาข้าราชการกรมที่ดิน 10.การก่อสร้างอาคารสำนักงานที่ดินสาขาใหม่ 5 แห่ง ณ จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด ชลบุรี สงขลา และระนอง และ 11.การพัฒนาระบบงาน DIGITAL e-Services ผ่าน Smart Phone เป็น Mobile Application และ Web Application โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ทุกที่ ทุกเวลา
อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการพัฒนางานกรมที่ดิน ปี 2565 มีภารกิจที่สำคัญ คือ 1.การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมแบบออนไลน์ต่างสำนักงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2.การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์ เพื่อการบริการ 2 ประเภท ได้แก่ การขอหนังสือรับรองราคาประเมิน และการตรวจสอบหลักทรัพย์ทั่วประเทศ 3.การพัฒนาระบบ Landsmaps เพื่อบูรณาการการชำระที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างผ่านแอปพลิเคชันฯ 4.การพัฒนาระบบ Condomaps เพื่อค้นหาตำแหน่งอาคารชุด/ห้องชุด แบบ 3 มิติ 5.การยื่นคำขอรังวัดผ่านระบบออนไลน์ 6.การรับชำระค่ามัดจำรังวัดผ่านระบบชำระเงินกลางภาครัฐ และ 7.การออกโฉนดที่ดิน ภายใน 92 วัน กรณีมาตรฐานรังวัด สอบเขต แบ่งแยก และรวมโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3ก.)
ในตอนท้าย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวย้ำด้วยว่า ความสำเร็จของการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข นั้น จะเกิดขึ้นได้ ย่อมขึ้นอยู่กับพี่น้องชาวมหาดไทยทุกคน ซึ่งขอให้พวกเราชาวกรมที่ดินมีความตั้งใจในการทำงาน มีความอยากทำประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมือง และช่วยกันเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พี่น้องประชาชนคนไทย พร้อมทั้งใช้ความรู้ ใช้ประสบการณ์ และใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อเข้าไปเสริมศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจในการ Change for Good ให้กับประเทศชาติ อันจะก่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 181/2564 วันที่ 19 พ.ย. 2564
