เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 66 นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า จังหวัดสกลนครและพี่น้องชาวสกลนครได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการเสด็จทรงงานเพื่อติดตามและพระราชทานแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนในหลายวาระโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเสด็จทรงงาน ณ บ้านดอนกอย ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม พระองค์ได้พระราชทานพระวินิจฉัยในการพัฒนาผลงานด้านการทอผ้าย้อมคราม ด้วยทรงส่งเสริมตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การปลูกพืชให้สีธรรมชาติ กลางน้ำ การพัฒนารูปแบบ ลวดลาย การถักทอ การตัดเย็บ ให้มีความร่วมสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคตามหลักแฟชั่นนิยม และปลายน้ำ คือ การพัฒนาช่องทางการตลาด สู่การสร้างแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปภายใต้ชื่อ “ดอนกอยโมเดล” ยังผลทำให้พี่น้องประชาชนบ้านดอนกอยและชุมชนใกล้เคียง ได้มีรายได้จากอาชีพเสริมหลังการทำการเกษตรกรรม ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน
“นอกจากนี้ พระองค์ได้พระราชทานแนวทางพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” แก่นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย สู่การนำร่องการพัฒนาพื้นที่หมู่บ้านยั่งยืน ณ บ้านดอนกอย แห่งนี้ ด้วยการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือน ได้มีการน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ปลูกพืชผักสวนครัว ครัวเรือนละไม่น้อยกว่า 20 ชนิด ตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และตลอด 2 ข้างทางในหมู่บ้าน ได้มีการปลูกไม้ให้ผลตามโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” นอกจากนี้ ในทุกครัวเรือน ได้มีการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และใช้งานจริง ด้วยการนำเศษอาหารและเศษใบไม้ใบหญ้ามาใส่ในถังขยะเปียกแล้วปิดฝา เพื่อทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์สารบำรุงดินบำรุงพืชผักสวนครัวและบำรุงดิน โดยมีฝาปิดเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ พร้อมทั้งส่งเสริมพลังความรัก ความสามัคคี ของพี่น้องประชาชนในชุมชน ด้วยการสร้างทีมจิตอาสา จัดตั้ง “คุ้มบ้าน” ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ทั้งเด็ก เยาวชน นักเรียน ในทุกบ้าน ทุกครอบครัว ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาการย้อมผ้า การทอผ้า และศิลปวัฒนธรรมของชุมชนเพื่อสร้างความยั่งยืน” ผวจ.สกลนคร กล่าว
นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวทางการทรงงานที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานให้กับชาวสกลนครดังที่กล่าวข้างต้น ทำให้ในวันนี้ จังหวัดสกลนคร ได้น้อมนำแนวพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ขับเคลื่อนขยายผลไปยังทุกอำเภอของจังหวัดสกลนคร สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการคัดเลือกหมู่บ้านที่ได้รับการพัฒนาและมีครัวเรือนตกเกณฑ์ที่กำหนด อย่างน้อยตำบลละ 1 หมู่บ้าน ดำเนินการส่งเสริมพัฒนาควบคู่กับการดูแลประชาชนในทุกหมู่บ้านให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนวพระดำริ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษา วันที่ 8 มกราคม 2566 โดยในวันนี้ ตนได้ลงพื้นที่พร้อมกับนางสาวจิราภรณ์ เบิกบานดี นายอำเภอเมืองสกลนคร และสมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสกลนคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายทรงหลาย พรมพิลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหอม เพื่อตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ตามแนวพระดำริฯ พร้อมทั้งได้ทำการทวนสอบและให้คำแนะนำในด้านการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ซึ่งพบว่า พี่น้องประชาชนตำบลโนนหอมทุกครัวเรือน ได้มีการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และจากการทวนสอบตามนโยบายการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกระทรวงมหาดไทยและจังหวัดสกลนครพบว่า พี่น้องประชาชนมีการใช้งานถังขยะเปียกลดโลกร้อนจริงทุกครัวเรือน นอกจากนี้ ในทุกครัวเรือนยังได้มีการน้อมนำพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวเป็นจำนวนมากหลากหลายชนิด เช่น กะหล่ำปลี ตะไคร้ มะกรูด มะนาว คะน้า ตำลึง มะเขือ กะเพรา ต้นหอม ผักชี เป็นต้น ทำให้สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือน และยังมีพืชผักสวนครัวที่ปลอดสารพิษไว้บริโภคตลอดทั้งปี และที่สำคัญเมื่อมีปริมาณมาก ได้มีการนำมาแจกจ่าย นำมาแลก นำมาแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน สร้างพลังความรัก ความสามัคคี อีกด้วย
ด้าน นางสาวจิราภรณ์ เบิกบานดี นายอำเภอเมืองสกลนคร กล่าวว่า อำเภอเมืองสกลนคร ได้ดำเนินการขยายผลส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนเข้าร่วมโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ครบทั้ง 100% จำนวน 46,408 ครัวเรือน ซึ่งจากการลงพื้นที่ร่วมกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครในพื้นที่ตำบลโนนหอมในวันนี้ พบว่าทุกครัวเรือนได้มีการดำเนินการ แต่มีบางครัวเรือนที่ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน คือ ฝังถังขยะเปียกลงไปในหลุมดินรูปลิ่มไม่ถึง 2 ใน 3 ทำให้ระดับถังสูงอยู่ จึงได้ให้คำแนะนำในการวางถังลงไปให้ได้ระดับที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งได้เสนอแนะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหอม ได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และการใช้งานเพื่อให้ทุกครัวเรือนได้มีถังขยะเปียกลดโลกร้อนที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งขณะนี้สามารถทวนสอบไปได้แล้วประมาณ 20 % เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดคาร์บอนเครดิตที่จะแปลงเป็นทุนให้กับชุมชนใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชุมชนอีกด้วย
นายอำเภอเมืองสกลนคร กล่าวต่ออีกว่า ในด้านการส่งเสริมการน้อมนำพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” อำเภอเมืองสกลนคร ได้มุ่งมั่นน้อมนำมาขยายผลขับเคลื่อนสู่การรณรงค์ให้ทุกครัวเรือนได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ในการปลูกพืชผักสวนครัวที่นอกจากจะทำให้ลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ถึงวันละ 100 บาทต่อครัวเรือนแล้ว ยังเป็นการทำให้สมาชิกในครอบครัวได้มีกิจกรรมร่วมกัน เช่น พ่อขุดดิน ปรับสภาพดิน ลูกช่วยปลูกต้นไม้ แม่ช่วยรดน้ำ คุณตาคุณยายช่วยทำอาหารการกิน มารับประทานร่วมกัน และบางครัวเรือน คุณตาคุณยายยังเป็นผู้นำในการพาลูกหลานปลูกผักสวนครัวและเก็บเกี่ยวผลผลิตมารับประทาน โดยมี ปุ๋ยอินทรีย์ ที่ได้จากถังขยะเปียกลดโลกร้อนเป็นปุ๋ยชั้นดีเป็นสารบำรุงดินชั้นดีที่ทำให้พืชผักอุดมสมบูรณ์อีกด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ยังพบว่ามีหลายครัวเรือนที่ปลูกพืชผักน้อยชนิด เพราะต้องไปทำงานนอกบ้าน แต่ก็ยังคงเห็นความสำคัญในการปลูกพืชผักไว้รับประทานร่วมกันในช่วงวันหยุดของสัปดาห์ และบางครัวเรือนก็ปลูกเพื่อแบ่งปันคนในชุมชน เป็นต้น
นายอำเภอเมืองสกลนคร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ อำเภอเมืองสกลนคร ในฐานะเป็นอำเภอนำร่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขเมื่อปี 2565 และผ่านการฝึกอบรมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขในปี 2566 จึงได้มีการสร้าง “ทีมจิตอาสา” จาก 7 ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ขับเคลื่อนสร้างสิ่งที่ดีให้กับชุมชน โดยได้ร่วมกันดำเนินการขยายผลสร้างการรับรู้ความเข้าใจตามแนวทางการจัดงาน “วันดินโลก” ในการประชุมประจำเดือนของอำเภอ และการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน การลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในพื้นที่ได้ส่งเสริมองค์ความรู้และหลักการดูแลบำรุงรักษาดินให้กับพี่น้องประชาชนตามศักยภาพและพื้นที่ หรือที่เรียกว่าตาม “ภูมิสังคม” เช่น การไถกลบ การปรุงดิน การทำปุ๋ยอินทรีย์ รวมทั้งได้นำนโยบายของนางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ที่มุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวในทุกอำเภอของจังหวัดสกลนคร ผ่านโครงการ “1 คน 1 กล้า” คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดมีจำนวนประชากรเท่าไหร่ ก็จะมีการปลูกต้นไม้เท่ากับจำนวนคนในเขตท้องถิ่นนั้นหรือมากกว่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเป็นการสร้างอัตลักษณ์ของแต่ละตำบล/หมู่บ้านที่สามารถเชื่อมโยงสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์หรือเชิงวัฒนธรรม (โฮมสเตย์) เช่น พื้นที่ตำบลดงมะไฟ ก็ได้มีกิจกรรมปลูกต้นมะไฟ 2 ข้างทาง เพื่อไปวัดถ้ำผาแด่น เป็นเอกลักษณ์ถนนสายมะไฟไปวัดถ้ำผาแด่น และที่ตำบลเหล่าปอแดง ซึ่งแต่เดิมไม่มีต้นปอแดงตามชื่อตำบลเลย ก็ได้มีการส่งเสริมให้เกิดการปลูกต้นปอแดงในตำบล พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เด่นของพื้นที่จากวัสดุธรรมชาติที่มีมากในพื้นที่ตำบล คือ ต้นไม้ ด้วยการส่งเสริมอาชีพการทำ “หวด” หรือ “ที่นึ่งข้าวเหนียว” ด้วยการออกแบบสานหวดขนาดเล็กไว้ใส่โคมไฟ นำมาสานเพื่อทำที่กรองกาแฟ เพื่อเป็นของที่ระลึก หรือใส่ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ โดยให้ผู้สูงอายุ คนว่างงาน ผู้พิการ และหญิงตั้งครรภ์ ได้ฝึกฝนและช่วยกันทำ ซึ่งสามารถใช้เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ และเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งการส่งเสริมการบริหารจัดการขยะตามหลักการ 3ช (3Rs) คือ ใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ ผ่านหอกระจายข่าว และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน และสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงให้อำเภอเมืองสกลนครเป็นเมือง 3 ธรรม คือ ธรรมะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ตามนโยบายจังหวัดสกลนคร อันจะทำให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และต่อยอดเรื่องสุขภาพอนามัยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ด้วยพลังของภาคีเครือข่ายทุกตำบลของอำเภอเมืองสกลนคร
“นอกจากนี้ ภายหลังจากการอบรมโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขในปี 2566 นี้ อำเภอเมืองสกลนคร ได้เสนอ “โครงการ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน เครือข่ายพลัง บวร รักษ์น้ำ รักสกล ด้วยวิถีพอเพียงสู่ความยั่งยืน” ซึ่งในการประชุมประจำเดือนของอำเภอเมืองสกลนครในวันที่ 2 มีนาคม 2566 นี้ จะได้มีการหยิบยกประเด็นโครงการฯ ดังกล่าว ซึ่งเกิดจากการระดมความคิดของ “ทีมอำเภอเมืองสกลนคร” เพื่อทำให้ชาวอำเภอเมืองสกลนครได้แสดงออกถึงความรักสกล ที่เป็นเมือง 3 ธรรม : ธรรมะ วัฒนธรรม ธรรมชาติ เช่น รักษ์น้ำ เรามีหนองหาน มีแหล่งน้ำในท้องที่ ต้องระดมความคิดกันว่าทำอย่างไรให้อนุรักษ์ทรัพยากรที่มีอยู่และใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ด้วยหลักการทรงงาน “บวร” คือ บ้าน วัด ราชการ ที่ต่างเป็นภาคีเครือข่ายในพื้นที่ โดยกำหนดให้ขับเคลื่อนโครงการนี้ตำบลละ 1 หมู่บ้าน ซึ่งภายหลังจากการประชุมประจำเดือนมีนาคม จะได้นำปลัดอำเภอ และทีมอำเภอ ลงพื้นที่เพื่อกระจายแนวความคิด และรับฟังความคิดเห็น มุมมอง แนวคิด ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองสกลนคร เพื่อปลุกพลังความรักเมืองสกลนคร ความปรารถนาดีประชาชนอยากเห็นเมืองสกลนครเป็นเมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งหากพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกภาคีเครือข่ายร่วมแรง ร่วมใจกันทำแล้ว ท้ายที่สุด ทุกคนก็จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน อันจะนำมาซึ่ง “ความสุขที่ยั่งยืน” ด้วยพลัง Partnership ของประชาชนในพื้นที่” นายอำเภอเมืองสกลนคร กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 195/2566 วันที่ 28 ก.พ. 2566
