เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 66 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและชี้แจงให้ความรู้การจัดทำผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ำหมู่บ้าน/ชุมชนแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน โดยมี นางสาวอรุณี มีมาก โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยผู้แทนจากอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 23 อำเภอ เข้าร่วมประชุม โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ ขับเคลื่อนโดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมความคิดภาคีเครือข่ายตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับตำบล และหมู่บ้าน ร่วมกันนำเสนอข้อมูลการจัดทำผังภูมิสังคม เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาจัดทำผังน้ำเพื่อการบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง และฤดูฝน อันจะยังผลทำให้การจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“ผังภูมิสังคม (Geo-Social Map) มีที่มาอันประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ 2 ส่วน คือ Geography และ Social ซึ่ง Geography คือลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ ส่วน Social คือลักษณะทางสังคมและชุมชน โดยมีประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ จะเป็นผู้ที่สะท้อนปัญหาทางสังคมอันเกิดจากข้อจำกัดหรือปัญหาทางกายภาพ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ผังภูมิสังคม หรือ Geo-Social Map” ซึ่งผังภูมิสังคมจะมีชั้นของข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก แต่สำหรับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการจัดทำผังภูมิสังคมครั้งนี้ จะเป็นการจัดทำผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ำหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo-Social Map) โดยจะให้ประชาชนในพื้นที่เป็นผู้นำทางในการให้ข้อมูลต่าง ๆ โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเป็นหน่วยงานที่นำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนปฏิบัติงานตามกรอบภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนตำบล รวมทั้งนำข้อมูลที่ได้จากการจัดทำผังภูมิสังคมฯ ไปใช้ในการวางแผนขับเคลื่อนงานด้าน “การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่างเป็นรูปธรรม” ผวจ.บุรีรัมย์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ระดมผู้เชี่ยวชาญผู้มีความรู้ความสามารถมาช่วยกันศึกษาวางระบบเพื่อทำให้ประเทศไทยได้มีฐานข้อมูลในเรื่องแหล่งน้ำและที่อยู่ของน้ำตามสภาพข้อเท็จจริงที่เคยเป็นมาตั้งแต่ในอดีตจากผู้ที่รู้จริง นั่นคือ “พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/ตำบล/หมู่บ้าน” เพราะเขารู้ว่าที่ไหนเคยมีหนองน้ำ ร่องน้ำอยู่ตรงไหนเคยมีทางน้ำผ่านพื้นที่ใดบ้าง รวมไปถึงการกระทำบางประเภททั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ดี ที่ส่งผลกระทบทำให้แหล่งน้ำหรือพื้นที่กักเก็บน้ำนั้นสูญเสียไป โดยการน้อมนำหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” มาใช้ในการขับเคลื่อนซึ่งการจะเข้าใจ เข้าถึงให้ได้นั้น ข้าราชการในฐานะที่เป็นผู้นำ ต้องไปช่วยกันทำไฟในใจของเราให้ลุกโชนขึ้นมา เพื่อต่อไฟไปจุดในใจของพี่น้องประชาชนและภาคีเครือข่าย ทั้ง 7 ภาคี ให้ช่วยกันลงมือทำให้เรามีสิ่งที่เป็นองค์ความรู้เพื่อใช้ในการศึกษาและเข้าใจข้อเท็จจริง นำไปสู่แนวทาง (Solution) ที่จะวางแผนพัฒนาร่วมกันแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดในอดีต ร่วมกันพัฒนาและบริหารจัดการร่วมกันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบต่อไป
“ถ้าส่วนราชการแต่ละพื้นที่มีฐานข้อมูลแหล่งน้ำตามสภาพจริง เป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามภูมิศาสตร์ จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ทำให้ได้มีข้อมูลมาวางแผนแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นสภาพปัญหาในทุกมิติ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และประการสำคัญ คือ เป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา อันจะทำให้พี่น้องประชาชนและทุกภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันรับประโยชน์ ยังผลให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้านอย่างยั่งยืน” ผจว.บุรีรัมย์ กล่าวทิ้งท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 250/2566 วันที่ 15 มี.ค. 2566
