เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 66 นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนไม่สามารถทำได้แต่เพียงลำพังข้าราชการหรือห้างร้านบริษัทเอกชน แต่ต้อง “ทำงานเป็นทีม” ด้วยพลังของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทั้ง 7 ภาคี อันได้แก่ 1) ภาคราชการ คือ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมิใช่หมายรวมแค่กระทรวงมหาดไทย ต้องเป็นข้าราชการทุกกระทรวงในพื้นที่ 2) ภาคผู้นำศาสนา ทั้งพระสงฆ์ บาทหลวง โต๊ะอิหม่าม และผู้นำศาสนา ลัทธิความเชื่อจิตวิญญาณต่าง ๆ 3) ภาควิชาการ คือ อาจารย์ ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน อธิการบดี ในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาต่าง ๆ 4) ภาคเอกชน คือ บริษัท ห้างหุ้นส่วน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่ 5) ภาคประชาสังคม คือ มูลนิธิ สมาคม ชมรม กลุ่มกิจกรรรมทางสังคมที่รวมตัวรวมกลุ่มจัดตั้งขึ้นตามความสนใจ 6) ภาคประชาชน คือ พี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย และ 7) ภาคสื่อสารมวลชน คือ สื่อมวลชนทุกประเภท รวมถึงพวกเราทุกคน และต้องทำงานแบบมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การร่วมคิด ร่วมปรึกษาหารือ ร่วมทำ ร่วมแก้ไขปัญหา กระทั่งร่วมรับประโยชน์ในที่สุด ซึ่งภาคีเครือข่ายและแนวทางการทำงานเหล่านี้ ล้วนเป็นหลักการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเพียรพยายามศึกษาผ่านการทรงงานตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติ จนเกิดโครงการพระราชดำริมากถึง 4,741 โครงการ เกิดกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม เกิดทฤษฎีใหม่มากกว่า 40 ทฤษฎี
นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชดำริทั้งปวงของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ได้น้อมนำพระราชดำริทั้งปวงเป็นหลักชัยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานหนังสือ Sustainable City และพระราชทานพระอนุญาตให้กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกหมู่บ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN SDGs) ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ภายใต้เป้าหมายการสร้างความยั่งยืนให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาตนเองที่ยั่งยืน
“กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดนโยบายที่สำคัญ ในการน้อมนำแนวพระดำริดังกล่าว มาขับเคลื่อนขยายผลเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งจังหวัดกำแพงเพชร ได้เน้นย้ำในการประชุมกรมการจังหวัด การประชุมหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอประจำเดือน ตลอดจนการฝึกอบรมและการดำเนินงานของทุกส่วนราชการในพื้นที่ ในการทำงานเป็นทีมแบบบูรณาการ โดยพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกเรื่องให้กับพี่น้องประชาชน เพราะหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของข้าราชการทุกคน คือ การทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี พึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุข ด้วยการหมั่นลงพื้นที่ไปติดตามถามไถ่ ไปเยี่ยมเยียน ไปเสนอแนะ ไปให้กำลังใจพี่น้องประชาชนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วยการนำทุกส่วนราชการ ทุกภาคีเครือข่าย ภายใต้การนำของนายอำเภอ เป็นทีมลงไปในพื้นที่ ดังพระโอวาทของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ได้ประทานไว้ว่า “ต้องทำงานให้รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด” ด้วยการขยันลงพื้นที่ ไม่ใช่นั่งทำงานที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศ ซึ่งการหมั่นลงพื้นที่นี้เองจะทำให้ประชาชนอุ่นใจ สบายใจ และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพ มีกำลังใจในการสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว ด้วยหลักการเดียวกันคือ ทำทุกพื้นที่ให้เป็น “หมู่บ้านยั่งยืน”“ ผู้ว่าฯ ชาธิปฯ กล่าว
นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวต่ออีกว่า เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการ ตลอดจนภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนงาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการน้อมนำแนวพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน” ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ตนจึงได้นำส่วนราชการระดับจังหวัดลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการกินอิ่ม นอนหลับ ปลดหนี้ด้วยศาสตร์พระราชาอย่างยั่งยืน ในพื้นที่อำเภอทรายทองวัฒนา ซึ่งได้ขับเคลื่อนการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอทรายทองวัฒนา ได้มีหลักในการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ รู้จักออมเงิน เพื่อนำเงินออมไปใช้ในการชำระหนี้ ดำรงตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน โดยได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน 3 หมู่บ้านใน 3 ตำบล คือ 1) ศาลาอเนกประสงค์บ้านบึงสำราญ หมู่ 7 ตำบลถาวรวัฒนา 2) ศาลาวัดคลองต้นไทร หมู่ 3 บ้านคลองต้นไทร ตำบลทุ่งทอง และ 3) ศาลาวัดหนองไผ่เหนือ หมู่ 7 บ้านหนองไผ่ ตำบลทุ่งทราย
“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้ร่วมรับฟังและพูดคุยถึงชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เยี่ยมชม “ถนนกินได้” ที่พี่น้องประชาชนในหมู่บ้านได้รังสรรค์ขึ้นเพื่อปลูกพืชผักสวนครัวไว้ใช้สำหรับประกอบอาหารและใช้สำหรับการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว สอดคล้องกับแนวทางการจัดงานวันดินโลก ประจำปี 2565 (World Soil Day 2022) ภายใต้แนวคิด “อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน (Soils, where food begins)” รวมถึงการปล่อยพันธุ์ปลาที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมการประมง เยี่ยมชมการทำแปลงเกษตรอินทรีย์ของประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้กล่าวชื่นชมยินดีและให้กำลังใจในการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง อีกทั้งมีการบริหารจัดการขยะ ทำให้บ้านเรือนมีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย คนในหมู่บ้านก็มีการรวมกลุ่มกันดูแลเส้นทางถนนในหมู่บ้าน ดูแลพื้นที่ส่วนรวม ทำให้สะอาด ร่มรื่น และเป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่ของจังหวัดกำแพงเพชร“
นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวในช่วงท้ายว่า จังหวัดกำแพงเพชรจะได้นำแนวทางการขับเคลื่อนโครงการกินอิ่ม นอนหลับ ปลดหนี้ด้วยศาสตร์พระราชาอย่างยั่งยืนของอำเภอทรายทองวัฒนาไปสรุปบทเรียนและขยายผลสร้างการรับรู้ให้กับทุกส่วนราชการ และทุกอำเภอ ในการประชุมกรมการจังหวัด รวมถึงการประชุมคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ของจังหวัด เพื่อทำให้ทุกภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันในการทำให้พื้นที่ทั้ง 8,607.5 ตารางกิโลเมตรของจังหวัดกำแพงเพชรเป็นพื้นที่แห่งความยั่งยืน ทำให้ทุกหมู่บ้าน/ชุมชนของทั้ง 11 อำเภอในจังหวัดกำแพงเพชรเป็นหมู่บ้านยั่งยืน ยังผลทำให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนตลอดไป
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 543/2566 วันที่ 11 มิ.ย. 2566
