วันนี้ (30 ก.ค. 2566) นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เผยว่า จังหวัดนครพนม ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม การส่งเสริมสุขภาพ และความเข้มแข็งของสายสัมพันธ์ ไทย- ลาว โดยเมื่อวานนี้ (29 ก.ค. 66) จังหวัดนครพนม ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม “ปั่นท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพสองฝั่งโขง (จังหวัดนครพนม ราชอาณาจักรไทย – แขวงคำม่วน สปป.ลาว)” ณ บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ราชอาณาจักรไทย – วัดพระธาตุศรีโคตรบอง เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีนายวันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วน นางสงวน จันทร์พร ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม กลุ่มนักปั่น จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักลงทุน ผู้ประกอบการร้านค้า นักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนจากทั้ง 2 ประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนม เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวของชาวไทยและต่างประเทศที่นอกจากจะเดินทางมาสักการะพระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วนั้น ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักของนักเดินทางที่ต้องการมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม สัมผัสวิถีชีวิตแบบ Slow Life เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของทั้งสองประเทศ ซึ่งกิจกรรมที่นิยม คือ การเดิน และปั่นจักรยาน ชมวิวเมือง และทิวทัศน์ริมน้ำโขง โดยกิจกรรม “ปั่นท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพสองฝั่งโขง (จังหวัดนครพนม ราชอาณาจักรไทย – แขวงคำม่วน สปป.ลาว)” ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์อันงดงามของสะพานมิตรภาพ ไทย – ลาวแห่งที่ 3 ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่มีความสวยงามที่สุด และปั่นจักรยานไปตามเส้นทางริมฝั่งโขง แวะพักไหว้ศาลหลักเมือง วัดนาโบสีพัดทะนาลาม ที่อยู่ใกล้กับลานพญานาคราช ซึ่งเป็นทางขึ้นสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่นั่งเรือข้ามฟากจากจังหวัดนครพนมมาเมืองท่าแขก จากนั้นมุ่งหน้าสู่พระธาตุศรีโคดตะบอง เพื่อกราบไหว้สักการะปูชนียสถานที่สำคัญใน สปป.ลาว แล้วปั่นจักรยานย้อนกลับอีกหนึ่งเส้นทางผ่านชุมชนชาวท่าแขก ทำให้ได้เห็นถึงบรรยากาศและวิถีชีวิต และชมสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านเรือนตามแบบฝรั่งเศสบริเวณท่าแม่น้ำ
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีนักปั่นและประชาชนจากหลากหลายวงการเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนไปกับการสัมผัสบรรยากาศในทุกขณะปั่นจักรยาน ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของสองฝั่งโขง แถมยังเป็นการออกกำลังกาย ส่งเสริมสุขภาพที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการพบปะหารือในด้านต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐจากทั้ง 2 ประเทศ อาทิ ความร่วมมือด้านความมั่นคง ด้านการลงทุน ด้านการค้าชายแดน ด้านการท่องเที่ยว ด้านการสาธารณสุข และด้านศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี โดยจังหวัดนครพนม มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนภารกิจ แนวนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย
“กระทรวงมหาดไทยมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนตามพันธกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ทั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย และพลังการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนคนไทย และ สปป.ลาว ร่วมกันคิด ร่วมกันพัฒนา และขยายผลสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้นได้ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติในทุกมิติ ด้วยคำมั่น “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน” ที่กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเจตนารมณ์การพัฒนาประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ร่วมกับองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย” นายวันชัย จันทร์พร กล่าวเน้นย้ำ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเชิญชวนทุกท่านมาชมธรรมชาติที่สวยงามและสัมผัสวัฒนธรรมที่น่าประทับใจของสองฝั่งโขง ด้วยการเดินทางมาพักผ่อน “เที่ยว ปั่น ช้อป ชิม ชิล” ที่จังหวัดนครพนมแล้วข้ามไปท่องเที่ยวต่อยังฝั่ง สปป.ลาว ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับหรือแบบพักค้างคืน พี่น้องชาวจังหวัดนครพนมพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนจังหวัดนครพนมด้วยไมตรีจิต จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวจังหวัดนครพนมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย และร่วมตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศไทย และ สปป.ลาว เพื่อสร้างรากฐานการมีสุขภาพที่เเข็งเเรง เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนม และจังหวัดข้างเคียง ทำให้กระทรวงมหาดไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย “ประเทศไทยที่ยั่งยืน” ได้อย่างเป็นรูปธรรม
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 734/2566 วันที่ 30 ก.ค. 2566